
นี่คือภาพพิมพ์โลหะแบบขูด (mezzotint) โดย เฮนรี โรบินสัน (Henry Robinson) ซึ่งบันทึกภาพปรากฏการณ์ดาวตกใหญ่ปี 1783 (1783 Great Meteor) ขณะมองเห็นจากเมืองวินธอร์ป (Winthorpe) นอตทิงแฮมเชอร์ (Nottinghamshire) ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 1783
ในค่ำคืนของวันที่ 18 สิงหาคม เมื่อ 242 ปีที่แล้ว (ค.ศ. 1783) หากใครได้แหงนมองท้องฟ้าเหนือหมู่เกาะบริติชไอลส์ (British Isles) ในช่วงเวลาระหว่าง 21:15 น. ถึง 21:30 น. พวกเขาจะได้เป็นประจักษ์พยานของขบวนดาวตกสว่างไสวที่พาดผ่านท้องฟ้าอย่างงดงาม ปรากฏการณ์ครั้งประวัติศาสตร์นี้เป็นที่รู้จักกันในภายหลังว่า “ดาวตกใหญ่ปี 1783”
หนึ่งในผู้ที่บันทึกเหตุการณ์สำคัญนี้ไว้คือ เฮนรี โรบินสัน ผ่านภาพพิมพ์โลหะและคำบรรยายที่กล่าวว่า
“ในตอนแรก มันปรากฏเป็นลูกไฟเพียงดวงเดียว แต่ในไม่กี่วินาทีต่อมา ก็แตกออกเป็นลูกไฟเล็ก ๆ จำนวนมาก ทิศทางการเคลื่อนที่ของมันคือจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือไปยังทิศตะวันออกเฉียงใต้ ปรากฏการณ์ที่ไม่ธรรมดานี้เป็นดาวตกชนิดที่นักปรัชญาธรรมชาติผู้ยิ่งใหญ่อย่าง ดร.วูดเวิร์ด (Dr. Woodward) และคนอื่น ๆ เรียกว่า มังกรบิน (Draco volans หรือ Flying Dragon)”
คำบรรยายของโรบินสันสะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจและมุมมองของผู้คนในยุคนั้น ที่เปรียบเปรยลูกไฟสว่างวาบที่แตกกระจายบนท้องฟ้าดั่งมังกรในตำนานที่กำลังโบยบิน การบันทึกของเขาไม่เพียงแต่เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ดาราศาสตร์ที่สำคัญ แต่ยังแสดงให้เห็นว่าปรากฏการณ์ท้องฟ้าสามารถสร้างความประทับใจและจุดประกายจินตนาการของผู้คนได้มากเพียงใด
ในทางวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน ดาวตกขนาดใหญ่และสว่างมากเช่นนี้เรียกว่า ลูกไฟ (fireball) หรือ โบลายด์ (bolide) ซึ่งเกิดจากวัตถุจากอวกาศขนาดค่อนข้างใหญ่พุ่งเข้ามาในชั้นบรรยากาศของโลกและเกิดการลุกไหม้สว่างวาบ การที่มันแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนั้นเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้น เมื่อวัตถุถูกแรงต้านของอากาศมหาศาลกระทำจนแตกสลายกลางอากาศ
ภาพของโรบินสันจึงเป็นเสมือนหน้าต่างที่พาเราย้อนเวลากลับไปสัมผัสกับช่วงเวลาที่ปรากฏการณ์ธรรมชาติ ยังคงเป็นเรื่องราวที่ผูกพันกับความเชื่อและจินตนาการ ก่อนที่วิทยาศาสตร์จะสามารถให้คำอธิบายที่ชัดเจนได้ดังเช่นทุกวันนี้
ข้อมูลอ้างอิง: British Museum
- 1783 Great Meteor