
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับจีน เตรียมยกระดับสู่ “ปีทองอวกาศ” ในวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูต โดยได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมด้านอวกาศไทย–จีนเป็นครั้งแรก ณ กรุงเทพฯ เพื่อสานต่อความสำเร็จที่ผ่านมาและกำหนดทิศทางความร่วมมือในอนาคต
การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม โดยมี ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. และ นายเปี้ยน จื้อกัง รองผู้อำนวยการสำนักงานบริหารอวกาศแห่งชาติจีน (CNSA) เป็นผู้นำการหารือ
นายเปี้ยน จื้อกัง กล่าวย้ำว่าไทยเป็นพันธมิตรคนสำคัญของจีนในภารกิจสำรวจอวกาศ โดยจีนพร้อมสนับสนุนให้ Payload ของไทยร่วมกับยานฉางเอ๋อ 7 และฉางเอ๋อ 8 พร้อมทั้งเชิญฝ่ายไทยมีส่วนร่วมในภารกิจเทียนเหวิน 3 และเทียนเหวิน 4 สำรวจดาวอังคารและดาวพฤหัสในอนาคต
ด้าน ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล กล่าวว่า ความร่วมมือด้านอวกาศไทย–จีนก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เมื่อปีที่ผ่านมา สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานในการลงนามความร่วมมือ ถือเป็นหมุดหมายสำคัญของความสัมพันธ์สองประเทศ
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมาได้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมหลายด้าน อาทิ การส่งอุปกรณ์วิจัยของไทยร่วมกับยานฉางเอ๋อ 7 สำรวจดวงจันทร์ การได้รับเชิญเป็นประเทศเกียรติยศในงานวันอวกาศแห่งชาติจีน และการเข้าร่วมโครงการสถานีวิจัยบนดวงจันทร์ (ILRS) รวมถึงการเปิด “ศูนย์ข้อมูลสังเกตการณ์โลกล้านช้าง–แม่โขง” ที่ศรีราชา ซึ่งเป็นอีกก้าวสำคัญในการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมและภูมิอากาศ
“ความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเฉพาะอวกาศ จะเป็นเสาหลักในการยกระดับความสัมพันธ์เชิงยุทธศาสตร์ไทย–จีนในอนาคต อว. พร้อมผลักดันความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์ การวิจัย และการศึกษา ให้เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น” ปลัดกระทรวง อว. กล่าว
นอกจากนี้ นายเปี้ยน ยังได้หารือความร่วมมือเพื่อส่งดาวเทียมไทยขึ้นสู่อวกาศในวาระเฉลิมฉลองครบรอบ 72 พรรษาของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เพื่อเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพ
“เส้นทางความร่วมมือของเรามิได้หยุดอยู่แค่ดวงจันทร์ แต่คือการเดินทางสู่อนาคตร่วมกัน จีนยินดีต้อนรับไทยในฐานะมิตรแท้และพันธมิตรสำคัญในทุกภารกิจ” นายเปี้ยนกล่าว
การประชุมคณะกรรมการร่วมด้านอวกาศไทย–จีน ครั้งที่ 1 จึงไม่เพียงเป็นบทพิสูจน์ความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของปีทองที่จะขับเคลื่อนความสัมพันธ์ไทย–จีนให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนยิ่งขึ้นในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ข้อมูลอ้างอิง: กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม