
ยานสำรวจเพอร์เซเวียแรนซ์ (Perseverance) ขององค์การนาซา ได้เริ่มต้นภารกิจครั้งสำคัญด้วยการเข้าสู่พื้นที่แห่งใหม่ที่เต็มไปด้วยปริศนาทางธรณีวิทยา โดยทีมวิทยาศาสตร์ได้ตั้งชื่อพื้นที่นี้ว่า “เมกาเบรกเซีย” (megabreccia) หรือชั้นหินผาชันขนาดใหญ่ที่เกิดจากเศษหินที่ผสมกันอย่างไม่เป็นระเบียบ เป็นการเปิดฉากการเดินทางครั้งใหม่เพื่อค้นหาคำตอบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อันซับซ้อนของดาวอังคาร
เมกาเบรกเซีย คืออะไร?
ข้อมูลจาก เฮนรี มาเนลสกี (Henry Manelski) นักศึกษาระดับปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยเพอร์ดู (Purdue University) ซึ่งร่วมงานกับทีมภารกิจนี้ ระบุว่า เมกาเบรกเซียไม่ใช่ชั้นหินทั่วไป แต่เป็นกลุ่มก้อนของเศษหินที่แตกกระจายรวมตัวกันอย่างไม่เป็นระเบียบ เชื่อว่าเศษหินเหล่านี้คือซากที่หลงเหลือจากเหตุการณ์การชนของอุกกาบาตโบราณ โดยเฉพาะเหตุการณ์การชนครั้งใหญ่ที่ก่อให้เกิดแอ่งไอซิดิส (Isidis Basin) ซึ่งเป็นแอ่งหลุมขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของดาวอังคาร การศึกษาหินจากเหตุการณ์ในอดีตนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหินเหล่านี้อาจเป็นพยานจากยุคแรกเริ่มของดาวอังคาร ก่อนที่สภาพอากาศและธรณีวิทยาจะเปลี่ยนแปลงไป
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเศษหินเหล่านี้คือ ตัวอย่างที่ถูกขุดขึ้นมาจากชั้นเปลือกโลกส่วนลึกของดาวอังคารจากการชนของอุกกาบาตในอดีต ทำให้ยานเพอร์เซเวียแรนซ์ไม่จำเป็นต้องทำการขุดเจาะลงไปใต้พื้นผิวเพื่อศึกษาข้อมูลในชั้นลึก นับเป็นโอกาสอันหาได้ยากที่จะได้เข้าถึงวัสดุจากยุคแรกเริ่มของดาวเคราะห์สีแดง และยังช่วยให้สามารถเชื่อมโยงธรณีวิทยาในบริเวณที่ยานกำลังสำรวจอยู่ในแอ่งหลุมเจซีโร (Jezero Crater) เข้ากับประวัติศาสตร์โดยรวมของภูมิภาคแอ่งไอซิดิสได้อย่างสมบูรณ์
หินในบริเวณเมกาเบรกเซียมีอายุเก่าแก่กว่าชั้นหินที่เกิดขึ้นจากปากแม่น้ำโบราณและหินภูเขาไฟที่ยานได้สำรวจไปแล้ว ทำให้การสำรวจในครั้งนี้เปรียบเสมือนการได้ย้อนเวลากลับไปสู่ช่วงต้นกำเนิดของดาวอังคาร เพื่อค้นหาคำตอบว่า ครั้งหนึ่งดาวเคราะห์ดวงนี้เคยมีน้ำและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตหรือไม่ โดยทีมงานมีความหวังว่าเศษหินโบราณเหล่านี้จะช่วยเปิดเผยความลับสำคัญที่ซ่อนอยู่ในประวัติศาสตร์ของดาวอังคาร และทำให้เราเข้าใจวิวัฒนาการของดาวเคราะห์ดวงนี้ได้ดียิ่งขึ้น
การเดินทางครั้งใหม่นี้จึงไม่ใช่แค่การสำรวจพื้นที่ใหม่ แต่เป็นการเดินทางเพื่อไขปริศนาทางวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งจะช่วยให้มนุษย์สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวของดาวอังคารในอดีตได้ครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ข้อมูลอ้างอิง: NASA
- Perseverance Meets the Megabreccia