
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ (University of Illinois) ค้นพบว่าการพยายามเบี่ยงเบนวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยที่พุ่งตรงมายังโลก หากทำผิดพลาดอาจจะส่งผลให้ดาวเคราะห์น้อยเหล่านั้นกลับมาพุ่งชนโลกอีกครั้งในอีกหลายสิบปีข้างหน้าได้
วิธีป้องกันการชนของดาวเคราะห์น้อยกับโลกที่ดูตรงไปตรงมาที่สุดคือ การส่งยานอวกาศไปพุ่งชนเพื่อเบี่ยงวงโคจรของมัน ซึ่งภารกิจ DART (Double Asteroid Redirection Test) ขององค์การนาซา (NASA) ที่ประสบความสำเร็จในปี 2022 ก็ได้พิสูจน์แล้วว่าแนวคิดนี้ใช้ได้ผลจริง โดยสามารถเปลี่ยนแปลงวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอส (Dimorphos) ได้อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม การวิจัยล่าสุดได้เผยให้เห็นความเป็นไปได้ที่ว่า หากพุ่งชนดาวเคราะห์น้อยผิดจุด ก็อาจเป็นการเพียงแค่เลื่อนเวลาการชนออกไปเท่านั้น
“หลุมกุญแจแรงโน้มถ่วง” คืออะไร?
นักวิจัยพบว่าการพุ่งชนที่ผิดพลาด อาจทำให้ดาวเคราะห์น้อยเคลื่อนที่เข้าสู่ “หลุมกุญแจแรงโน้มถ่วง” (gravitational keyholes) ซึ่งเป็นพื้นที่เล็ก ๆ ในอวกาศที่แรงโน้มถ่วงของโลกสามารถปรับเปลี่ยนวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยที่ผ่านเข้ามาให้กลับมาอยู่ในเส้นทางพุ่งชนโลกได้ในภายหลัง ราฮิล มาเคเดีย (Rahil Makadia) จากองค์การนาซากล่าวว่า “แม้เราจะตั้งใจผลักดาวเคราะห์น้อยให้เบี่ยงออกจากโลกด้วยภารกิจอวกาศ เราก็ต้องแน่ใจว่ามันจะไม่ลอยเข้าไปในหลุมกุญแจเหล่านี้ในภายหลัง มิฉะนั้นเราจะต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากการชนในภายหลัง”
เพื่อแก้ปัญหานี้ ทีมของมาเคเดียได้พัฒนา “แผนที่ความน่าจะเป็น” (probability maps) ขึ้นมา เพื่อระบุตำแหน่งที่ปลอดภัยที่สุดในการพุ่งชนดาวเคราะห์น้อยแต่ละดวง แผนที่นี้จะแสดงให้เห็นถึงความน่าจะเป็นที่แต่ละจุดบนพื้นผิวของดาวเคราะห์น้อยจะส่งมันเข้าสู่หลุมกุญแจแรงโน้มถ่วงหลังจากการพุ่งชน
การสร้างแผนที่นี้ต้องอาศัยข้อมูลรายละเอียดของดาวเคราะห์น้อย เช่น รูปร่าง, ลักษณะพื้นผิว, การหมุน, และมวล ข้อมูลเหล่านี้ควรได้มาจากภารกิจอวกาศที่ส่งไปสำรวจดาวเคราะห์น้อยโดยตรงเพื่อถ่ายภาพความละเอียดสูง อย่างไรก็ตาม หากค้นพบดาวเคราะห์น้อยในเวลาที่กระชั้นชิดก่อนการชน นักวิทยาศาสตร์สามารถสร้างแผนที่เบื้องต้นที่มีคุณภาพต่ำลงมาได้โดยใช้ข้อมูลจากการสังเกตการณ์ด้วยกล้องโทรทรรศน์บนพื้นโลก
นักวิจัยได้สร้างแผนที่ความน่าจะเป็นสำหรับดาวเคราะห์น้อยที่ได้รับการศึกษามาอย่างดีแล้ว เช่น ดาวเคราะห์น้อยเบนนู (Bennu) โดยมีเครื่องหมายกากบาทระบุตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการพุ่งชน แผนที่เหล่านี้ยังคำนึงถึงความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้นในภารกิจอวกาศด้วย เนื่องจากแม้แต่การพุ่งชนที่แม่นยำที่สุดก็อาจพลาดเป้าไปได้หลายเมตร
ภารกิจ DART มีเป้าหมายคือดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอส (Dimorphos) ซึ่งถูกเลือกมาโดยเฉพาะเพราะระบบดาวดวงนี้มีมวลมากเกินกว่าที่จะถูกเบี่ยงเบนเข้าสู่เส้นทางพุ่งชนโลกได้ แต่สำหรับดาวเคราะห์น้อยดวงอื่น ๆ ที่เป็นภัยคุกคามในอนาคต จะต้องมีการวางแผนอย่างแม่นยำสูง ภารกิจเฮรา (Hera) ขององค์การอวกาศยุโรป (ESA) ที่มีกำหนดจะไปถึงจุดพุ่งชนของ DART ในเดือนธันวาคม 2026 จะให้ข้อมูลที่มีค่าเพื่อปรับปรุงเทคนิคเหล่านี้
นักวิทยาศาสตร์ยอมรับว่าที่ผ่านมามนุษย์ค่อนข้างโชคดีที่ยังไม่มีดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่พุ่งตรงมายังโลก แต่ในขณะที่เราสำรวจท้องฟ้าไปเรื่อย ๆ สักวันหนึ่งก็คงจะเจอเข้ากับดาวเคราะห์น้อยที่เป็นภัยคุกคามจริง ๆ และต้องขอบคุณมาเคเดียและทีมของเขา ที่เมื่อวันนั้นมาถึง เราก็จะรู้ว่าควรจะพุ่งชนที่ตรงไหน
ข้อมูลอ้างอิง: Universe Today/AAS
- One Wrong Hit Could Send an Asteroid on a Collision Course with Earth