
แม้ว่าปัจจุบันเราจะยืนยันการค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ (Exoplanet) แล้วกว่า 6,000 ดวง แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ทศวรรษหน้าแห่งการสำรวจอวกาศกำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล ด้วยภารกิจสำรวจรุ่นใหม่ที่จ่อคิวปล่อยตัวอีกมากมาย ซึ่งจะทำให้นักดาราศาสตร์ขยับเข้าใกล้การค้นพบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด นั่นคือการหา “โลกใบที่สอง” (Earth 2.0) ที่มีลักษณะคล้ายโลกและโคจรรอบดาวฤกษ์คล้ายดวงอาทิตย์ของเรา
ภารกิจแห่งอนาคตที่จะปฏิวัติการค้นพบ
ทศวรรษหน้าจะเป็นช่วงเวลาทองของการค้นหาดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ โดยมีภารกิจสำคัญหลายโครงการที่กำลังจะเริ่มปฏิบัติการ
- ภารกิจ PLATO (PLAnetary Transits and Oscillations of stars) ขององค์การอวกาศยุโรป (ESA) มีกำหนดปล่อยในเดือนธันวาคม 2026 โดยมีเป้าหมายหลักในการค้นหาดาวเคราะห์ขนาดใกล้เคียงโลกที่โคจรอยู่ในเขตเอื้อชีวิต (Habitable Zone) หรือโซนที่น้ำสามารถคงสถานะของเหลวได้ ของดาวฤกษ์ที่มีลักษณะคล้ายดวงอาทิตย์
- กล้องโทรทรรศน์อวกาศแนนซี เกรซ โรมัน (Nancy Grace Roman Space Telescope) ของนาซา (NASA) ซึ่งจะตามไปในปีถัดไป จะใช้เทคนิคที่เรียกว่า เลนส์ความโน้มถ่วงแบบไมโคร (Gravitational Microlensing) เพื่อตรวจจับดาวเคราะห์ที่อยู่ห่างไกลซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยวิธีการปกติ
- ภารกิจ Earth 2.0 ของประเทศจีน มีแผนจะเริ่มในปี 2028 โดยจะใช้วิธีการสังเกตการณ์ดาวเคราะห์ผ่านหน้า (Transit Method) เพื่อค้นหาดาวเคราะห์แฝดของโลกโดยเฉพาะ
“เราค้นพบดาวเคราะห์แล้ว 6,000 ดวง แต่ยังไม่มีดวงไหนเลยที่เหมือนโลก” ออโรรา เคสเซลี นักดาราศาสตร์จากสถาบันเทคโนโลยีแคลิฟอร์เนีย (Caltech) และผู้จัดการคลังข้อมูลดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะของนาซากล่าว “ดังนั้นเมื่อมีคนถามว่าทำไมเรายังต้องค้นหาดาวเคราะห์ต่อไปทั้งที่เจอกว่า 6,000 ดวงแล้ว นั่นก็เพราะเรายังไม่เจอโลกจริงๆ สักดวง แต่ภารกิจในอนาคตกำลังจะปรับจูนเพื่อค้นหาสิ่งที่ดูเหมือนโลกของเราจริงๆ”
ด้วยภารกิจมากมายที่ทำงานพร้อมกัน รวมถึงกล้องโทรทรรศน์อวกาศ TESS ของนาซาที่ยังคงสำรวจท้องฟ้าอยู่ นักดาราศาสตร์คาดว่าจะมีการค้นพบใหม่ๆ หลั่งไหลเข้ามามหาศาล เคสเซลีได้เน้นถึงความท้าทายด้านข้อมูลว่า “ความท้าทายของคลังข้อมูลคือการรับมือกับจำนวนดาวเคราะห์มหาศาลที่กำลังจะมาจากภารกิจ PLATO, Earth 2.0 และ Roman เราคาดว่าจะมีดาวเคราะห์ต้องสงสัยที่รอการยืนยันจากภารกิจเหล่านี้มากถึง 100,000 ดวง”
ภารกิจ Gaia (ไกอา) ขององค์การอวกาศยุโรป คาดว่าจะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการค้นพบดาวเคราะห์ โดยใช้เทคนิคการวัดตำแหน่งดาว (Astrometry) คือการตรวจจับการส่ายหรือโคลงเคลงเล็กน้อยของดาวฤกษ์ที่เกิดจากแรงโน้มถ่วงของดาวเคราะห์ที่โคจรรอบๆ โดยคาดว่า Gaia จะเปิดเผยรายชื่อดาวเคราะห์ต้องสงสัยชุดแรกในเดือนธันวาคม 2026 และอาจมีมากถึงหลายพันดวง อย่างไรก็ตาม เทคนิคนี้ยังคงมีความท้าทายสูง และส่วนใหญ่จะตรวจจับได้เพียงดาวเคราะห์แก๊สขนาดยักษ์ ทำให้การค้นหาดาวเคราะห์หินขนาดเล็กคล้ายโลกยังคงเป็นเรื่องยาก
การค้นพบเป็นเพียงก้าวแรก ก้าวต่อไปที่สำคัญคือ การจำแนกลักษณะ (Characterization) โดยเฉพาะการศึกษาชั้นบรรยากาศ กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เว็บบ์ (JWST) ได้เริ่มสำรวจชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์หินใกล้เคียงที่โคจรรอบดาวฤกษ์แคระแดงแล้ว แต่เคสเซลีกล่าวว่า “ข้อมูลจาก JWST ยังไม่สามารถสรุปผลที่ชัดเจนได้ แต่ด้วยข้อมูลที่มากขึ้น เทคนิคที่ดีขึ้น และเวลาการสังเกตการณ์ที่นานขึ้น เราจะเริ่มเข้าใจได้ว่าดาวเคราะห์ดวงไหนน่าจะมีชั้นบรรยากาศ แต่ JWST ยังไม่มีความไวพอที่จะมองเห็นชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์คล้ายโลกที่โคจรรอบดาวฤกษ์คล้ายดวงอาทิตย์ได้”
สำหรับเป้าหมายสูงสุดในการค้นหา “โลกใบที่สอง” ที่แท้จริง นักวิทยาศาสตร์ต่างฝากความหวังไว้ที่ กล้องสังเกตการณ์โลกเอื้อชีวิต (Habitable Worlds Observatory – HabEx) ซึ่งมีแผนจะปล่อยในช่วงทศวรรษ 2040
“ถ้าเราอยากจะเห็นดาวเคราะห์ที่เหมือนโลกจริงๆ โคจรรอบดาวฤกษ์ที่เหมือนดวงอาทิตย์ของเราจริงๆ สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ HabEx” เคสเซลีเน้นย้ำ
#HabEx จะใช้กระจกขนาดใหญ่และเทคโนโลยีบังแสงดาวฤกษ์แม่ (Coronagraph/Starshade) เพื่อถ่ายภาพดาวเคราะห์ได้โดยตรงและวิเคราะห์แสงจากดาวดวงนั้น เพื่อค้นหาสัญญาณของมหาสมุทร ทวีป และอาจรวมถึงสัญญาณของสิ่งมีชีวิต การเดินทางสู่การค้นพบโลกใบใหม่เพิ่งเริ่มต้นขึ้น และอนาคตของการสำรวจอวกาศก็ดูสดใสและน่าตื่นเต้นกว่าที่เคยเป็นมา
ข้อมูลอ้างอิง: Daily Galaxy
- Scientists Are About To Discover 100,000 New Planets — Could One Be Earth 2.0?