ข่าวอวกาศ

ตะลึง! ดวงอาทิตย์ปะทุ “เปลวสุริยะ” ครั้งใหญ่ในระดับ X-Class เสี่ยงกระทบการสื่อสารและระบบนำทางโลก

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09:49 น. ตามเวลาฝั่งตะวันออก (ET) หรือตรงกับ เวลา 09:49 น. ของวันที่ 1 ธันวาคม 2568 ตามเวลาในประเทศไทย โลกได้เป็นพยานการปะทุครั้งใหญ่ของ “เปลวสุริยะ” (Solar Flare) อันทรงพลังจากพื้นผิวของดวงอาทิตย์ โดยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มที่รุนแรงที่สุด หรือ X-Class เปลวสุริยะครั้งนี้มีระดับความรุนแรงอยู่ที่ X1.9 ซึ่งแม้จะไม่ใช่การปะทุที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนถึงกิจกรรมของดวงอาทิตย์ที่อาจส่งผลกระทบต่อเทคโนโลยีบนโลก เช่น ระบบวิทยุสื่อสาร โครงข่ายไฟฟ้า และสัญญาณนำทางต่าง ๆ

การปะทุครั้งนี้ถูกบันทึกภาพไว้ได้อย่างชัดเจนโดย “กล้องโทรทรรศน์อวกาศสำรวจพลวัตดวงอาทิตย์” หรือ NASA’s Solar Dynamics Observatory (SDO) ซึ่งทำหน้าที่เฝ้าสังเกตการณ์ดวงอาทิตย์อยู่ตลอดเวลา ภาพที่ถูกบันทึกมานั้นแสดงให้เห็นถึงแสงวาบที่สว่างจ้าบนขอบด้านซ้ายของดวงอาทิตย์ แสงสว่างจ้านี้คือการปล่อยรังสีอัลตราไวโอเลตเข้มสูง (extreme ultraviolet light) ที่เน้นให้เห็นวัสดุที่มีอุณหภูมิสูงมากในการปะทุ ซึ่งถูกแต่งสีด้วยโทนสีส้มและสีเหลืองในภาพถ่าย

เปลวสุริยะคืออะไร ? ทำไมจึงรุนแรงระดับ X ?

เปลวสุริยะ คือการปลดปล่อยพลังงานออกมาอย่างรุนแรงและฉับพลันจากชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ โดยเกิดจากการที่เส้นสนามแม่เหล็ก (Magnetic Field) ของดวงอาทิตย์เกิดการบิดเบี้ยวและขาดออกจากกัน พลังงานที่สะสมไว้จึงถูกปลดปล่อยออกมาในรูปของแสงและรังสีต่าง ๆ เดินทางด้วยความเร็วแสงมุ่งสู่ห้วงอวกาศ เปลวสุริยะมีความแตกต่างกันตามความเข้มข้นของการแผ่รังสี X ที่ปล่อยออกมา โดยแบ่งเป็นชั้นตามตัวอักษร ดังนี้

  • A-Class (อ่อนที่สุด)
  • B-Class
  • C-Class
  • M-Class (ระดับปานกลาง)
  • X-Class (รุนแรงที่สุด)

ตัวเลขที่ตามหลังตัวอักษร เช่น X1.9 จะระบุถึงความรุนแรงที่ละเอียดขึ้น โดย X2.0 รุนแรงกว่า X1.0 ถึงสองเท่า ดังนั้น เปลวสุริยะ X1.9 จึงจัดเป็นการปะทุที่ทรงพลังอย่างมาก

ผลกระทบต่อโลกของเรา

แม้ดวงอาทิตย์จะอยู่ห่างจากโลกถึง 150 ล้านกิโลเมตร แต่การปะทุในระดับ X-คลาส ก็สามารถส่งผลกระทบมาถึงโลกได้ เนื่องจากรังสีและอนุภาคพลังงานสูงที่ปล่อยออกมา การปะทุของเปลวสุริยะและการพุ่งของมวลสารจากโคโรนา (Coronal Mass Ejection: CME) ซึ่งมักเกิดขึ้นพร้อมกัน มีศักยภาพในการก่อกวนสิ่งต่าง ๆ ดังนี้

  • วิทยุสื่อสาร
    อาจเกิดการรบกวนหรือสัญญาณดับ (Radio Blackout) โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคลื่นวิทยุความถี่สูงในด้านที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์
  • ระบบนำทาง
    สัญญาณ GPS และสัญญาณนำทางอื่น ๆ อาจถูกรบกวน ทำให้เกิดความผิดพลาดในการระบุตำแหน่ง
  • โครงข่ายไฟฟ้า
    อนุภาคพลังงานสูงสามารถเหนี่ยวนำให้เกิดกระแสไฟฟ้าในสายส่งขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหายได้
  • ยานอวกาศและนักบินอวกาศ
    เปลวสุริยะและอนุภาคที่มาพร้อมกันนั้นเป็นอันตรายต่อยานอวกาศและนักบินอวกาศที่ปฏิบัติหน้าที่นอกวงโคจรของโลก

หน่วยงานต่าง ๆ ทั่วโลก เช่น ศูนย์พยากรณ์สภาพอวกาศ (NOAA’s Space Weather Prediction Center) ของสหรัฐอเมริกา จึงต้องเฝ้าระวังและออกประกาศเตือนอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการโครงข่ายไฟฟ้า สายการบิน และผู้เกี่ยวข้องกับการสื่อสาร สามารถเตรียมการรับมือกับผลกระทบจากสภาพอวกาศได้ทันท่วงที


ข้อมูลอ้างอิง: NASA

  • Strong Flare Erupts From Sun