ข่าวอวกาศ

กรุงเทพฯ ในอ้อมกอดราตรี มุมมองจากอวกาศของนักบินอวกาศโทมัส เปสเก

เมื่อเราแหงนมองท้องฟ้าในยามค่ำคืน เรามักมองหาดวงดาวที่ส่องสกาว แต่เคยสงสัยไหมว่า หากเราอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวเหล่านั้นแล้วมองย้อนกลับลงมายังพื้นโลก “บ้าน” ของเราจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร?

หนึ่งในภาพที่สร้างความประทับใจให้กับคนไทยมากที่สุดภาพหนึ่ง คือภาพถ่ายจากสถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station – ISS) ที่บันทึกไว้เมื่อวันที่ 27 มกราคม ค.ศ. 2017 (พ.ศ. 2560) โดย โทมัส เปสเก (Thomas Pesquet) นักบินอวกาศชาวฝรั่งเศสจากองค์การอวกาศยุโรป (ESA) พร้อมคำบรรยายสั้นๆ แต่เปี่ยมด้วยความหมายว่า “Bangkok: my travels haven’t led me there… yet” (กรุงเทพฯ: การเดินทางของผมยังไม่เคยพาผมไปที่นั่น… จนถึงตอนนี้)

จากภาพถ่ายดังกล่าว กรุงเทพมหานครปรากฏเป็นโครงข่ายแสงไฟสีทองอร่ามที่สว่างไสว ตัดกับความมืดมิดของพื้นผิวโลกและมหาสมุทร แสงเหล่านั้นเปรียบเสมือนชีพจรของเมืองที่ไม่เคยหลับใหล ถนนสายหลักและตรอกซอกซอยที่แผ่ขยายออกไปทุกทิศทาง ดูคล้ายกับใยแมงมุมเรืองแสงหรือแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความซับซ้อน สะท้อนให้เห็นถึงความหนาแน่นของประชากรและความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของเมืองหลวงแห่งนี้

การถ่ายภาพในสภาวะเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสถานีอวกาศนานาชาติโคจรรอบโลกด้วยความเร็วสูงถึงประมาณ 27,600 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือประมาณ 7.66 กิโลเมตรต่อวินาที การจะจับภาพเมืองเบื้องล่างให้คมชัดโดยไม่เบลอ ต้องอาศัยทักษะการถ่ายภาพขั้นสูงและการตั้งค่ากล้องที่แม่นยำ หรือใช้อุปกรณ์ช่วยติดตามวัตถุ (Tracking Device) เพื่อชดเชยการเคลื่อนที่ของสถานี

ภาพถ่ายใบนี้ของโทมัส เปสเก ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแค่บันทึกความงามทางภูมิศาสตร์ แต่ยังทำหน้าที่เป็นทูตวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงผู้คนบนโลกเข้าด้วยกัน แม้ตัวเขาจะยังไม่เคยมาสัมผัสกรุงเทพฯ ด้วยตัวเอง แต่ผ่านเลนส์กล้องจากความสูงกว่า 400 กิโลเมตรเหนือพื้นโลก เขาได้สัมผัสถึงพลังงานและความมีชีวิตชีวาของเมืองแห่งนี้

ในมุมมองของนักดาราศาสตร์ ภาพถ่ายยามค่ำคืนของโลก (Earth at Night) ยังเป็นข้อมูลสำคัญในการศึกษามลภาวะทางแสง (Light Pollution) ซึ่งบ่งบอกถึงการขยายตัวของเมืองและการใช้พลังงาน แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นเครื่องเตือนใจที่งดงามว่า ท่ามกลางความเวิ้งว้างของจักรวาล แสงไฟเหล่านี้คือหลักฐานการดำรงอยู่ของอารยธรรมมนุษย์


เครดิตภาพ: ESA/NASA