สารานุกรม โครงการอะพอลโล

โครงการ Apollo 1 จุดเริ่มต้นที่แสนเศร้าของการเดินทางสู่ดวงจันทร์

โครงการ Apollo (อะพอลโล) เป็นโครงการที่มีความทะเยอทะยานสูงสุดขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (National Aeronautics and Space Administration: NASA) ของสหรัฐอเมริกา มีเป้าหมายเพื่อนำมนุษย์ไปลงบนดวงจันทร์ให้สำเร็จ โครงการนี้เริ่มต้นขึ้นในช่วงทศวรรษ 1960 ท่ามกลางการแข่งขันด้านอวกาศกับสหภาพโซเวียต

ภารกิจ Apollo 1 (อะพอลโล 1) ซึ่งเดิมมีชื่อเรียกว่า AS-204 ถูกวางแผนให้เป็นเที่ยวบินที่มีมนุษย์ควบคุมครั้งแรกของโครงการ Apollo ภารกิจนี้มีกำหนดขึ้นบินในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2510 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบระบบต่างๆ ของยาน Apollo Command and Service Module (CSM) ในวงโคจรต่ำของโลก

ลูกเรือผู้กล้าหาญ

ลูกเรือที่ได้รับเลือกสำหรับภารกิจ Apollo 1 ประกอบด้วยนักบินอวกาศผู้มากประสบการณ์และดาวรุ่งรุ่นใหม่ ได้แก่

  • เวอร์จิล “กัส” กริสซัม (Virgil “Gus” Grissom): นักบินอวกาศผู้มีประสบการณ์จากโครงการ Mercury (เมอร์คิวรี) และ Gemini (เจมินี) ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บัญชาการภารกิจ (Command Pilot)
  • เอ็ดเวิร์ด เอช. ไวท์ ที่สอง (Edward H. White II): นักบินอวกาศผู้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นชาวอเมริกันคนแรกที่เดินในอวกาศในโครงการ Gemini ได้รับมอบหมายให้เป็นนักบินอาวุโส (Senior Pilot)
  • โรเจอร์ บี. แชฟฟี (Roger B. Chaffee): นักบินอวกาศหน้าใหม่ที่กำลังจะได้ขึ้นบินสู่อวกาศเป็นครั้งแรก ได้รับมอบหมายให้เป็นนักบิน (Pilot)

โศกนาฏกรรมบนแท่นปล่อย

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ภารกิจ Apollo 1 จะได้เริ่มต้นขึ้น โศกนาฏกรรมที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ในวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2510 ขณะที่ลูกเรือทั้งสามกำลังทำการทดสอบ “ปลั๊กเอาท์” (plugs-out test) ซึ่งเป็นการจำลองการนับถอยหลังก่อนการปล่อยจรวด โดยยานอวกาศกำลังทำงานด้วยพลังงานภายในของตัวเอง บนแท่นปล่อยจรวด Launch Complex 34 (แอลซี-34) ที่ Cape Kennedy (แหลมเคเนดี) เกิดเพลิงไหม้อย่างรวดเร็วภายในห้องโดยสารของยาน Command Module (CM)

เปลวเพลิงลุกลามอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมที่มีออกซิเจนบริสุทธิ์ภายใต้แรงดัน ทำให้ลูกเรือทั้งสามไม่สามารถเปิดประตูห้องโดยสารที่ออกแบบมาให้เปิดเข้าด้านในได้ทันเวลา นักบินอวกาศทั้ง 3 คน กัส กริสซัม, เอ็ด ไวท์ และ โรเจอร์ แชฟฟี เสียชีวิตจากเหตุการณ์อันน่าเศร้าในครั้งนี้

การสอบสวนและบทเรียนราคาแพง

หลังเกิดเหตุการณ์ NASA ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุ Apollo 1 เพื่อหาสาเหตุของเพลิงไหม้และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย การสอบสวนพบว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่นำไปสู่โศกนาฏกรรมครั้งนี้ ได้แก่

  • สภาพแวดล้อมที่มีออกซิเจนบริสุทธิ์: ห้องโดยสารของยานเต็มไปด้วยออกซิเจนบริสุทธิ์ภายใต้แรงดัน ซึ่งทำให้วัสดุต่างๆ ติดไฟได้ง่ายและรวดเร็ว
  • วัสดุที่ไม่ทนไฟ: มีการใช้วัสดุหลายชนิดภายในห้องโดยสารที่ไม่ทนต่อการติดไฟ เช่น ไนลอน และ Velcro (เวลโคร)
  • ข้อบกพร่องในการออกแบบ: ประตูห้องโดยสารที่เปิดเข้าด้านในทำให้ไม่สามารถเปิดออกได้เมื่อมีความดันภายในสูง
  • สายไฟที่ชำรุด: เชื่อกันว่าประกายไฟจากสายไฟที่ชำรุดอาจเป็นสาเหตุของการจุดติดไฟ

จากโศกนาฏกรรมครั้งนี้ NASA ได้เรียนรู้บทเรียนอันล้ำค่าและทำการปรับปรุงแก้ไขครั้งใหญ่ในโครงการ Apollo รวมถึงการออกแบบยานอวกาศ วัสดุที่ใช้ และขั้นตอนการปฏิบัติงานต่างๆ มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เช่น

  • การเปลี่ยนไปใช้ส่วนผสมของก๊าซ: เปลี่ยนจากการใช้ออกซิเจนบริสุทธิ์ในห้องโดยสารเป็นการใช้ส่วนผสมของออกซิเจนและไนโตรเจนคล้ายกับบรรยากาศโลกในระหว่างการทดสอบภาคพื้นดินและช่วงปล่อยตัว ก่อนที่จะเปลี่ยนไปใช้ออกซิเจนบริสุทธิ์ที่แรงดันต่ำกว่าในอวกาศ
  • การออกแบบประตูใหม่: ออกแบบประตูห้องโดยสารใหม่ให้สามารถเปิดออกได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาที
  • การใช้วัสดุไม่ติดไฟ: เปลี่ยนไปใช้วัสดุที่ไม่ติดไฟหรือทนต่อการลามไฟภายในห้องโดยสาร เช่น Beta cloth (เบตาคลอธ)
  • การปรับปรุงระบบไฟฟ้า: ปรับปรุงระบบสายไฟและการป้องกันการลัดวงจร

มรดกแห่งความกล้าหาญ

แม้ว่าภารกิจ Apollo 1 จะจบลงด้วยความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ แต่ความกล้าหาญและการเสียสละของ กัส กริสซัม, เอ็ด ไวท์ และ โรเจอร์ แชฟฟี ได้กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้โครงการ Apollo ก้าวหน้าต่อไป บทเรียนที่ได้จากอุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้ NASA ตระหนักถึงความสำคัญของความปลอดภัยอย่างสูงสุด และนำไปสู่การปรับปรุงที่จำเป็นเพื่อให้ภารกิจสำรวจดวงจันทร์ในอนาคตประสบความสำเร็จในที่สุด

อนุสรณ์สถานสำหรับนักบินอวกาศทั้งสามถูกสร้างขึ้นที่ Arlington National Cemetery (สุสานแห่งชาติอาร์ลิงตัน) เพื่อเป็นการรำลึกถึงความกล้าหาญและการเสียสละของพวกเขา โครงการ Apollo 1 แม้จะไม่ได้ขึ้นบินจริง แต่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ NASA มุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายในการนำมนุษย์ไปลงบนดวงจันทร์ได้สำเร็จในที่สุด


ข้อมูลอ้างอิง: NASA