ความรู้รอบตัว สารานุกรม

โครงการอาร์ทิมิส (Artemis Program) ก้าวต่อไปของมนุษยชาติสู่ดวงจันทร์และดาวอังคาร

นานกว่าครึ่งศตวรรษที่รอยเท้าของมนุษย์ได้ประทับอยู่บนพื้นผิวดวงจันทร์ในภารกิจอะพอลโล (Apollo) บัดนี้ องค์การนาซา (NASA) และพันธมิตรนานาชาติกำลังจะเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของการสำรวจอวกาศผ่านโครงการอาร์ทิมิส (Artemis Program) ซึ่งไม่ใช่แค่การกลับไปปักธง แต่เป็นการเริ่มต้นยุคใหม่ของการตั้งถิ่นฐานและใช้ประโยชน์จากดวงจันทร์ เพื่อเป็นบันไดก้าวสำคัญสู่เป้าหมายที่ไกลกว่า นั่นคือการส่งมนุษย์ไปยังดาวอังคาร

โครงการนี้ได้รับการตั้งชื่อตาม “อาร์ทิมิส” เทพีแห่งดวงจันทร์ตามปกรณัมกรีก และเป็นน้องสาวฝาแฝดของ “อะพอลโล” ซึ่งสื่อความหมายถึงการสานต่อภารกิจอันยิ่งใหญ่ในอดีต แต่ด้วยเป้าหมายที่ท้าทายและเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ายิ่งกว่าเดิม

เป้าหมายหลักของโครงการอาร์ทิมิส

โครงการอาร์ทิมิสไม่ได้เป็นเพียงภารกิจเดียว แต่เป็นชุดภารกิจต่อเนื่องที่มีเป้าหมายซับซ้อนและยิ่งใหญ่ โดยมีวัตถุประสงค์หลักดังนี้

1. การส่งมนุษย์กลับสู่ดวงจันทร์
เป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือการส่งนักบินอวกาศกลับไปเหยียบพื้นผิวดวงจันทร์อีกครั้ง โดยในครั้งนี้จะมีความพิเศษคือการส่งผู้หญิงคนแรกและคนผิวสีคนแรกลงสู่ดวงจันทร์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเท่าเทียมและการมีส่วนร่วมของมวลมนุษยชาติ

2. การสร้างการอยู่อาศัยที่ยั่งยืน
แตกต่างจากโครงการอะพอลโลที่ไปแล้วกลับ โครงการอาร์ทิมิสมีเป้าหมายเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการอยู่อาศัยและทำงานบนดวงจันทร์ในระยะยาว รวมถึงการตั้งสถานีอวกาศโคจรรอบดวงจันทร์ และฐานปฏิบัติการบนพื้นผิว

3. การสำรวจทางวิทยาศาสตร์
การสำรวจขั้วใต้ของดวงจันทร์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นแหล่งที่มีน้ำแข็งกักเก็บอยู่ ถือเป็นเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ การค้นพบและศึกษาทรัพยากรเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะไขความลับของดวงจันทร์ แต่ยังสามารถนำมาผลิตเป็นน้ำดื่ม ออกซิเจนสำหรับหายใจ และเชื้อเพลิงจรวดได้ในอนาคต

4. การเตรียมความพร้อมสู่ดาวอังคาร
ดวงจันทร์จะเป็นเสมือนสนามทดสอบเทคโนโลยีและเรียนรู้การใช้ชีวิตในห้วงอวกาศลึกเป็นระยะเวลานาน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับภารกิจที่ท้าทายที่สุด นั่นคือการส่งมนุษย์ไปยังดาวอังคาร

ส่วนประกอบสำคัญและเทคโนโลยีหลัก

ความสำเร็จของโครงการอาร์ทิมิสต้องอาศัยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยหลายอย่างประกอบกัน ซึ่งเปรียบเสมือนจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่จะสร้างภาพอนาคตของการสำรวจอวกาศ

  • จรวดเอสแอลเอส หรือระบบส่งปล่อยอวกาศ (Space Launch System – SLS) จรวดขนส่งขนาดมหึมาที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่นาซาเคยสร้างขึ้น มีหน้าที่ส่งยานอวกาศและสัมภาระขนาดใหญ่ออกจากแรงโน้มถ่วงของโลก
  • ยานอวกาศโอไรออน (Orion Spacecraft) ยานอวกาศสำหรับนักบินอวกาศ ถูกออกแบบมาเพื่อการเดินทางในห้วงอวกาศลึก สามารถรองรับนักบินอวกาศได้ 4 คน และมีระบบช่วยชีวิตที่ล้ำสมัยเพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการเดินทางไป-กลับจากดวงจันทร์
  • สถานีอวกาศเกตเวย์ (Gateway) สถานีอวกาศแห่งแรกที่จะโคจรรอบดวงจันทร์ ทำหน้าที่เป็น “ท่าจอดยาน” และห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ นักบินอวกาศจะเดินทางจากโลกด้วยยานโอไรออนมายังเกตเวย์ ก่อนจะเปลี่ยนไปใช้ยานลงจอดเพื่อเดินทางสู่พื้นผิวดวงจันทร์
  • ระบบลงจอดบนดวงจันทร์ของมนุษย์ (Human Landing System – HLS) ยานที่จะพานักบินอวกาศจากสถานีเกตเวย์ลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์ ซึ่งนาซาได้ร่วมมือกับบริษัทเอกชนอย่างสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) ในการพัฒนายานสตาร์ชิป (Starship) สำหรับภารกิจนี้

แผนภารกิจอาร์ทิมิส

โครงการอาร์ทิมิสถูกแบ่งออกเป็นเฟสต่างๆ โดยแต่ละภารกิจจะมีความซับซ้อนเพิ่มขึ้นตามลำดับ

  • อาร์ทิมิส 1 (Artemis I) สำเร็จแล้ว
    ภารกิจทดสอบจรวด SLS และยานโอไรออนแบบไม่มีนักบินอวกาศ โดยเดินทางโคจรรอบดวงจันทร์และกลับสู่โลกอย่างปลอดภัยเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 เพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของระบ
  • อาร์ทิมิส 2 (Artemis II) กำหนดการล่าสุด: เมษายน พ.ศ. 2569
    ภารกิจแรกที่จะมีนักบินอวกาศ 4 คน เดินทางไปกับยานโอไรออน โคจรรอบดวงจันทร์และกลับสู่โลก เพื่อทดสอบระบบควบคุมและระบบช่วยชีวิตในสภาพแวดล้อมจริง
  • อาร์ทิมิส 3 (Artemis III) กำหนดการล่าสุด: กลางปี พ.ศ. 2570
    ภารกิจประวัติศาสตร์ที่จะพามนุษย์กลับไปเหยียบดวงจันทร์อีกครั้ง รวมถึงนักบินอวกาศหญิงและคนผิวสีคนแรก โดยจะลงจอดบริเวณขั้วใต้ของดวงจันทร์
  • ภารกิจในอนาคต (Artemis IV และ V)
    จะเป็นการนำส่งชิ้นส่วนเพื่อประกอบสถานีอวกาศเกตเวย์ และเริ่มภารกิจบนพื้นผิวดวงจันทร์ที่ยาวนานขึ้น เพื่อสร้างรากฐานสู่การอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน

ความร่วมมือระดับนานาชาติและประเทศไทย

โครงการอาร์ทิมิสเป็นโครงการระดับนานาชาติที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่สหรัฐอเมริกา แต่เปิดกว้างให้หลายประเทศเข้าร่วมผ่านข้อตกลงอาร์ทิมิส (Artemis Accords) ซึ่งเป็นกรอบข้อตกลงในการสำรวจอวกาศอย่างสันติ มีความโปร่งใส และยั่งยืน ที่น่าภาคภูมิใจคือ ประเทศไทยได้เข้าร่วมลงนามในข้อตกลงอาร์ทิมิส เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2567 นับเป็นประเทศที่ 35 ของโลก การเข้าร่วมครั้งนี้จะเปิดโอกาสให้ประเทศไทยได้มีส่วนร่วมในการวิจัย การพัฒนาเทคโนโลยี และสร้างบุคลากรด้านอวกาศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอนาคต

โครงการอาร์ทิมิสจึงไม่ใช่แค่เรื่องของหน่วยงานอวกาศ แต่เป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญของมนุษยชาติ ที่จะขยายขอบเขตความรู้และเปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการสำรวจจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล


ข้อมูลอ้างอิง: NASA/GISTDA