
การวิเคราะห์ตัวอย่างจากดาวเคราะห์น้อยเบ็นนู (Bennu) ที่นำกลับมาโดยภารกิจ OSIRIS-REx ขององค์การนาซา ได้เปิดเผยข้อมูลอันล้ำค่าเกี่ยวกับกำเนิดของระบบสุริยะของเรา ทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอริโซนา (University of Arizona) ซึ่งเป็นผู้นำในการวิเคราะห์ครั้งนี้ ได้สรุปผลการศึกษาในรายงานที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Astronomy โดยมีใจความสำคัญว่า เบ็นนู คือชิ้นส่วนของวัตถุโบราณที่เปรียบได้ดั่งแคปซูลกาลเวลาที่บันทึกเหตุการณ์สำคัญนับพันล้านปี
นักวิจัยพบว่าเบ็นนู มีองค์ประกอบที่หลากหลายอย่างน่าสนใจ มันไม่ใช่แค่ก้อนหินธรรมดา แต่เป็นชิ้นส่วนที่แตกออกมาจากดาวเคราะห์แม่ที่มีขนาดใหญ่กว่ามาก โดยดาวเคราะห์แม่นี้เชื่อว่ามีกำเนิดมาจากบริเวณนอกระบบสุริยะ และเป็นแหล่งรวมของวัสดุตั้งต้นของระบบสุริยะของเรา รวมถึง “ฝุ่นดาว” ที่มีอายุเก่าแก่กว่าดวงอาทิตย์เสียอีก องค์ประกอบที่หลากหลายเหล่านี้ถูกหลอมรวมเข้าด้วยกันและก่อตัวขึ้นเป็นวัตถุขนาดใหญ่ก่อนที่จะเกิดการปะทะและแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเบ็นนูที่เรากำลังศึกษา
การวิเคราะห์ตัวอย่างจากเบ็นนู แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นเมื่อหลายพันล้านปีที่แล้ว นั่นคือปฏิกิริยาระหว่างแร่ธาตุกับน้ำ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เรียกว่า การแปรสภาพด้วยความร้อนจากน้ำ (hydrothermal alteration) ผลการศึกษาพบว่าแร่ธาตุในตัวอย่างที่ได้มานั้นมีองค์ประกอบของน้ำอยู่ถึง 80% ซึ่งหมายความว่าดาวเคราะห์แม่ของเบ็นนูนั้นเคยมีน้ำเป็นองค์ประกอบในปริมาณมหาศาล และน้ำนี้ได้ทำปฏิกิริยาทางเคมีกับหินและแร่ธาตุต่างๆ มาอย่างยาวนาน
นอกจากนี้ นักวิจัยยังตรวจพบร่องรอยของ “การผุกร่อนในอวกาศ (space weathering)” บนผิวของเบ็นนูในระดับจุลภาค โดยเป็นรอยหลุมเล็กๆ ที่เกิดจากแรงปะทะของอนุภาคไมโครอุกกาบาต (micrometeorite impacts) และร่องรอยของหินที่เคยหลอมเหลวจากการถูกลมสุริยะพัดกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง หลักฐานเหล่านี้บ่งชี้ว่าเบ็นนูมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและเคมีมาอย่างต่อเนื่องตลอดการเดินทางอันยาวนานในอวกาศ
ความสำเร็จของภารกิจ OSIRIS-REx และการวิเคราะห์ตัวอย่างจากเบ็นนูได้ยืนยันถึงความสำคัญของภารกิจส่งตัวอย่างกลับมายังโลกอย่างชัดเจน เพราะนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าอุกกาบาตที่ตกลงมายังโลกอาจมีการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบไปจากเดิมได้ในระหว่างการเดินทางผ่านชั้นบรรยากาศโลก และยังถูกปนเปื้อนด้วยสภาพแวดล้อมบนโลก การศึกษาตัวอย่างจากอวกาศโดยตรงจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะไขความลับของแหล่งกำเนิดและการเปลี่ยนแปลงของวัตถุเหล่านั้นอย่างแท้จริง
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการค้นพบใหม่นี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นของการทำความเข้าใจประวัติศาสตร์อันซับซ้อนของดาวเคราะห์น้อยเบ็นนู และยังเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เราเข้าใจถึงต้นกำเนิดของระบบสุริยะและกระบวนการกำเนิดของสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต
ข้อมูลอ้างอิง: University of Arizona
- Asteroid Bennu is a time capsule of materials bearing witness to its origin and transformation over billions of years