
องค์การนาซา (NASA) กำลังเร่งดำเนินโครงการครั้งประวัติศาสตร์เพื่อติดตั้งเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิชชัน (Nuclear fission) บนพื้นผิวดวงจันทร์ให้สำเร็จภายในปี ค.ศ. 2030 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอาร์ทิมิส (Artemis program) ที่มีเป้าหมายในการส่งมนุษย์กลับไปตั้งถิ่นฐานบนดวงจันทร์อย่างยั่งยืน โครงการนี้ไม่เพียงแต่จะปฏิวัติการสำรวจอวกาศ แต่ยังเป็นการตอบสนองต่อการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์อวกาศที่เพิ่มสูงขึ้น
แหล่งพลังงานที่เชื่อถือได้และต่อเนื่องคือหัวใจสำคัญของการตั้งถิ่นฐานระยะยาวบนดวงจันทร์ ซึ่งมีช่วงกลางคืนที่ยาวนานถึง 14 วันของโลก ทำให้พลังงานแสงอาทิตย์ไม่สามารถใช้งานได้อย่างสม่ำเสมอ เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กจะเข้ามาแก้ปัญหานี้ โดยจะให้พลังงานไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนระบบยังชีพในที่พักอาศัย ยานสำรวจ และการทดลองทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ แม้ในหลุมอุกกาบาตบริเวณขั้วดวงจันทร์ที่มืดมิดตลอดกาล ซึ่งเชื่อว่าเป็นแหล่งน้ำแข็งที่สำคัญ
ล่าสุด ฌอน ดัฟฟี (Sean Duffy) รักษาการผู้บริหารของนาซา ได้มีคำสั่งให้เร่งรัดโครงการ โดยเพิ่มเป้าหมายกำลังการผลิตของเตาปฏิกรณ์จากเดิม 40 กิโลวัตต์ เป็น 100 กิโลวัตต์ คำสั่งนี้มีขึ้นเพื่อรองรับการจัดตั้งฐานบนดวงจันทร์และภารกิจในอนาคตที่อาจขยายไปถึงดาวอังคาร
การตัดสินใจของนาซาเกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันทางอวกาศครั้งใหม่ โดยจีนและรัสเซียได้ประกาศแผนความร่วมมือที่จะสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์บนดวงจันทร์ภายในปี ค.ศ. 2035 การมีแหล่งพลังงานที่มั่นคงบนดวงจันทร์ไม่เพียงแต่เป็นความสำเร็จทางเทคโนโลยี แต่ยังเป็นการแสดงถึงความสามารถในการควบคุมพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์และทรัพยากรที่สำคัญ เช่น น้ำแข็งบริเวณขั้วใต้ของดวงจันทร์
โครงการนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการคงไว้ซึ่งความเป็นผู้นำด้านการสำรวจอวกาศของสหรัฐอเมริกา และเพื่อสร้างบรรทัดฐานสากลสำหรับการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในอวกาศอย่างสันติ
โครงการพลังงานฟิชชันบนพื้นผิว (Fission Surface Power Project) ของนาซาได้อาศัยความร่วมมือกับภาคเอกชนเป็นอย่างมาก โดยในปี ค.ศ. 2022 นาซาได้มอบสัญญามูลค่าหลายล้านดอลลาร์ให้แก่ 3 บริษัทชั้นนำเพื่อพัฒนาแนวคิดการออกแบบเตาปฏิกรณ์ ได้แก่
– ล็อกฮีด มาร์ติน (Lockheed Martin) บริษัทด้านอากาศยานและเทคโนโลยีป้องกันประเทศยักษ์ใหญ่
– เวสติงเฮาส์ (Westinghouse) บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์
– ไอเอ็กซ์ (IX) ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง อินทูเอทีฟ แมชชีน (Intuitive Machines) บริษัทผู้สร้างยานลงจอดบนดวงจันทร์ และเอ็กซ์-เอเนอร์จี (X-energy) ผู้พัฒนาเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขั้นสูง
เดิมทีบริษัทเหล่านี้ได้รับโจทย์ให้ออกแบบเตาปฏิกรณ์ขนาด 40 กิโลวัตต์ แต่จากคำสั่งใหม่ พวกเขากำลังปรับปรุงแบบเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายใหม่ที่ 100 กิโลวัตต์ การร่วมมือกับภาคเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญและคล่องตัวสูงนี้ คาดว่าจะช่วยให้โครงการสามารถดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
โครงการนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าการสำรวจอวกาศของมนุษยชาติ ทำให้การอาศัยอยู่บนดวงจันทร์เป็นความจริงที่จับต้องได้ และเป็นบันไดขั้นแรกสู่การเดินทางไปยังดาวอังคารและไกลออกไปในระบบสุริยะ
ข้อมูลอ้างอิง: Live Science
- NASA aiming to build nuclear reactor on the moon by 2030