
องค์การนาซา (NASA) เผยแพร่ภาพถ่ายชุดใหม่จากยานพาร์กเกอร์ โซลาร์ โพรบ (Parker Solar Probe) ที่บันทึกได้ขณะเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ในระยะที่ใกล้ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยภาพเหล่านี้กำลังช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ไขปริศนาเกี่ยวกับลมสุริยะและปรากฏการณ์อวกาศที่อาจส่งผลกระทบต่อโลกของเรา
เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ยานพาร์กเกอร์ โซลาร์ โพรบ ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ในระยะประมาณ 6.1 ล้านกิโลเมตร ซึ่งเป็นการเดินทางเข้าไปในชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ที่เรียกว่า “โคโรนา” (Corona) ภาพที่บันทึกได้จากระยะใกล้เป็นพิเศษนี้ ได้มอบมุมมองที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อนเกี่ยวกับปรากฏการณ์ต่างๆ ของดาวฤกษ์ศูนย์กลางระบบสุริยะของเรา
ภาพถ่ายล่าสุดนี้ถูกบันทึกโดยเครื่องมือถ่ายภาพมุมกว้างสำหรับโซลาร์โพรบ หรือ “วิสเปอร์” (Wide-field Imager for Solar Probe – WISPR) ซึ่งเผยให้เห็นรายละเอียดอันซับซ้อนของลมสุริยะ (solar wind) ซึ่งเป็นกระแสของอนุภาคมีประจุที่ดวงอาทิตย์ปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง และโครงสร้างขนาดมหึมาในโคโรนา
นิคกี ฟอกซ์ (Nicky Fox) รองผู้บริหารสำนักอำนวยการภารกิจวิทยาศาสตร์ (Science Mission Directorate) ณ สำนักงานใหญ่นาซาในกรุงวอชิงตัน กล่าวว่า “ยานพาร์กเกอร์ โซลาร์ โพรบ ได้นำพาเราไปสู่ใจกลางชั้นบรรยากาศอันพลวัตของดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้เราที่สุดอีกครั้งหนึ่ง เรากำลังได้เห็นจุดกำเนิดของสภาพอวกาศที่คุกคามโลกด้วยตาของเราเอง ไม่ใช่แค่จากแบบจำลองอีกต่อไป”
หนึ่งในภาพที่น่าสนใจที่สุดคือการชนกันของการพ่นมวลโคโรนา (Coronal Mass Ejections – CMEs) หลายครั้ง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สามารถบันทึกภาพปรากฏการณ์นี้ไว้ได้ด้วยความละเอียดสูง การพ่นมวลโคโรนาคือการปลดปล่อยพลาสมาและสนามแม่เหล็กขนาดมหึมาออกจากดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดพายุอวกาศ (space weather) ที่อาจส่งผลกระทบต่อดาวเทียม ระบบไฟฟ้า และเครือข่ายการสื่อสารบนโลก
แอนเจโลส วูร์ลิดาส (Angelos Vourlidas) นักวิทยาศาสตร์ประจำเครื่องมือ WISPR จากห้องปฏิบัติการฟิสิกส์ประยุกต์จอห์นส์ ฮอปกินส์ (Johns Hopkins Applied Physics Laboratory) อธิบายว่า “ในภาพเหล่านี้ เราเห็นการพ่นมวลโคโรนาซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ ซึ่งการทำความเข้าใจปฏิสัมพันธ์ระหว่างปรากฏการณ์เหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพยากรณ์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับระบบสุริยะ”
นอกจากนี้ ข้อมูลที่ได้จากการเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ครั้งประวัติศาสตร์นี้ยังช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจเกี่ยวกับ “แผ่นกระแสเฮลิโอสเฟียร์” (heliospheric current sheet) ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นบริเวณรอยต่อที่สนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์เปลี่ยนทิศทาง และมีบทบาทสำคัญต่อการเคลื่อนที่ของลมสุริยะมายังโลก
ภารกิจของยานพาร์กเกอร์ โซลาร์ โพรบ ซึ่งตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ ดร. ยูจีน พาร์กเกอร์ (Dr. Eugene Parker) นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ผู้บุกเบิกทฤษฎีลมสุริยะ ยังคงดำเนินต่อไป โดยยานอวกาศลำนี้จะโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ยิ่งขึ้นอีกในอนาคต เพื่อเก็บข้อมูลที่จะช่วยไขความลับของดวงอาทิตย์และปกป้องโลกของเราจากอิทธิพลของมันได้ดีขึ้น
ข้อมูลอ้างอิง: NASA