
ในช่วงสัปดาห์นี้ นักดูดาวทั่วโลกต่างจับจ้องไปยังปรากฏการณ์บนท้องฟ้า เมื่อดาวหาง C/2025 A6 (เลมมอน) โคจรเข้าใกล้โลกมากที่สุด พร้อมอวดโฉมความงดงามด้วยหางสองเส้นที่ทอดยาวอย่างชัดเจน สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับนักดาราศาสตร์และผู้รักการถ่ายภาพท้องฟ้าเป็นอย่างยิ่ง แม้จะมองเห็นได้ดีที่สุดผ่านกล้องถ่ายภาพ แต่ในพื้นที่ที่ท้องฟ้ามืดสนิท ก็อาจสามารถสังเกตเห็นดาวหางดวงนี้ได้ด้วยตาเปล่าเช่นกัน
ดาวหางเลมมอน (Comet Lemmon) กำลังเป็นดาวเด่นบนฟากฟ้า ด้วยการปรากฏตัวของหางสองชนิดที่มองเห็นได้อย่างเด่นชัด ซึ่งแต่ละหางก่อตัวขึ้นจากกระบวนการที่แตกต่างกัน
1. หางไอออน (Ion Tail)
หางเส้นนี้จะมีสีฟ้าอมน้ำเงินสวยงาม เกิดจากแก๊สที่ระเหิดออกจากนิวเคลียสของดาวหาง ถูกลมสุริยะ (Solar Wind) ซึ่งเป็นกระแสของอนุภาคพลังงานสูงจากดวงอาทิตย์พัดให้แตกตัวเป็นไอออนและผลักให้พุ่งออกไปในทิศทางตรงกันข้ามกับดวงอาทิตย์เสมอ หางไอออนจะเรืองแสงขึ้นมาเนื่องจากได้รับพลังงานจากแสงอาทิตย์ รูปทรงของมันอาจเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลาตามความแรงของลมสุริยะในขณะนั้น
2. หางฝุ่น (Dust Tail)
หางอีกเส้นหนึ่งจะมีสีขาวนวล เกิดจากเศษฝุ่นและน้ำแข็งที่หลุดออกมาจากดาวหาง ถูกแรงดันของแสงอาทิตย์ (Sunlight) ผลักดันออกไปอย่างช้าๆ ทำให้หางฝุ่นมักจะโค้งไปตามวงโคจรของดาวหาง และส่องสว่างเนื่องจากการสะท้อนแสงอาทิตย์นั่นเอง
ภาพถ่ายอันน่าทึ่งนี้เป็นผลงานของ โทมาช สโลวินสกี (Tomáš Slovinský) และคอนสแตนติน เทเมลลิส (Constantine Themelis) ซึ่งบันทึกภาพดาวหางเลมมอนเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 68 จากเมืองมลินิกา (Mlynica) ประเทศสโลวาเกีย โดยมีฉากหน้าเป็นเทือกเขาทาทราส (High Tatras) ซึ่งเป็นพรมแดนธรรมชาติกั้นระหว่างประเทศสโลวาเกียและโปแลนด์ ภาพนี้เกิดจากการนำภาพถ่ายด้วยการเปิดรับแสงนานจำนวน 50 ภาพมารวมกัน เพื่อดึงรายละเอียดของหางดาวหางทั้งสองให้ปรากฏเด่นชัดขึ้นมา
การมาเยือนของดาวหางเลมมอนในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีเยี่ยมสำหรับวงการดาราศาสตร์ในการศึกษาองค์ประกอบของวัตถุโบราณจากยุคแรกเริ่มของระบบสุริยะ ดาวหางเปรียบเสมือน “ก้อนน้ำแข็งสกปรก” ที่เดินทางข้ามกาลเวลามานับพันล้านปี การศึกษาแก๊สและฝุ่นที่ปล่อยออกมาจะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจสภาพแวดล้อมในอดีตของระบบสุริยะของเราได้ดียิ่งขึ้น ปรากฏการณ์นี้ยังสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วไปหันมาสนใจและชื่นชมความมหัศจรรย์ของเอกภพที่อยู่เหนือท้องฟ้ายามค่ำคืน
ข้อมูลอ้างอิง: Tomáš Slovinský & Constantine Themelis