
นักวิทยาศาสตร์จากองค์การอวกาศยุโรป (ESA) ได้เผยผลการศึกษาครั้งสำคัญที่เปิดเผยความรุนแรงของกระแสลมบนดาวอังคาร โดยใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียสนับพันภาพจากภารกิจ Mars Express และ ExoMars Trace Gas Orbiter การวิเคราะห์ติดตามการเคลื่อนที่ของ “พายุปิศาจฝุ่น” (Dust Devils) หรือเสาฝุ่นหมุนวนคล้ายทอร์นาโดจำนวนกว่า 1,000 ลูก แสดงให้เห็นว่าความเร็วลมที่พื้นผิวของดาวเคราะห์แดงนั้นรุนแรงและเร็วกว่าที่แบบจำลองสภาพอากาศในปัจจุบันเคยคาดการณ์ไว้ ซึ่งช่วยให้นักวิจัยเข้าใจกลไกการยกตัวของฝุ่นและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของดาวอังคารได้ดียิ่งขึ้น
ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งยานสำรวจภาคพื้นดินและยานโคจรได้บันทึกภาพพายุปิศาจฝุ่นบนดาวอังคารอย่างต่อเนื่อง พายุปิศาจฝุ่นเหล่านี้คือกระแสลมที่หมุนวนเป็นเกลียว ยกเอาฝุ่นผงบนพื้นผิวขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศที่เบาบางของดาวอังคาร ทำให้มันกลายเป็นเสาฝุ่นที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนบนภาพถ่าย ทั้งที่มองไม่เห็นตัวกระแสลม
ในการศึกษาครั้งนี้นำโดย Dr. Valentin Bickel จากมหาวิทยาลัยเบิร์น (University of Bern) ได้รวบรวมภาพถ่ายจากกล้อง HRSC (High Resolution Stereo Camera) บนยาน Mars Express และกล้อง CaSSIS (Colour and Stereo Surface Imaging System) บนยาน ExoMars Trace Gas Orbiter รวมเป็นแคตตาล็อกขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลการเคลื่อนที่ของพายุปิศาจฝุ่นถึง 1,039 ลูกทั่วดาวอังคาร โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ในการประมวลผล
การวิเคราะห์ภาพสเตอริโอ (Stereo Images) ซึ่งเป็นภาพถ่ายบริเวณเดียวกันที่ถ่ายห่างกันเพียงไม่กี่วินาที ทำให้นักวิจัยสามารถวัดความเร็วและทิศทางการเคลื่อนที่ของพายุปิศาจฝุ่นได้อย่างแม่นยำ และผลลัพธ์ที่ได้นั้นน่าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง นักวิจัยพบว่าความเร็วลมสูงสุดที่ตรวจวัดได้จากพายุปิศาจฝุ่นพุ่งสูงถึง 44 เมตรต่อวินาที หรือประมาณ 158 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือว่าเร็วกว่าที่เคยตรวจวัดได้โดยตรงจากยานสำรวจภาคพื้นดินและเร็วกว่าที่แบบจำลองสภาพอากาศส่วนใหญ่ทำนายไว้
แม้ความเร็วลม 158 กม./ชม. บนโลกจะถือเป็นพายุที่รุนแรงจนสามารถพัดพาคนให้ปลิวได้ แต่บนดาวอังคารกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นักวิจัยชี้ว่า บรรยากาศของดาวอังคารมีความเบาบางมาก (ประมาณ 1% ของบรรยากาศโลก) ดังนั้น แม้จะมีลมแรงถึง 100 กม./ชม. มนุษย์ที่ยืนอยู่บนพื้นผิวดาวอังคารแทบไม่รู้สึกถึงแรงปะทะใด ๆ เลย อย่างไรก็ตาม ความเร็วลมที่สูงเช่นนี้ก็เพียงพอที่จะยกฝุ่นจำนวนมหาศาลขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศได้
การค้นพบนี้ไม่เพียงแต่ยืนยันว่ากระแสลมที่รุนแรงมีอยู่จริงบนดาวอังคาร แต่ยังชี้ให้เห็นว่าในบางพื้นที่นั้นอาจมีการยกตัวของฝุ่นมากกว่าที่เคยประเมินไว้ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำความเข้าใจ ภูมิอากาศของดาวอังคาร และเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับภารกิจในอนาคต เช่น การเลือกพื้นที่ลงจอดที่ปลอดภัยสำหรับยานอวกาศ เนื่องจากพายุฝุ่นบนดาวอังคารสามารถขยายตัวจนเกิดเป็นพายุฝุ่นระดับโลกที่บดบังแสงอาทิตย์ และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ภารกิจสำรวจบางภารกิจต้องสิ้นสุดลง
ข้อมูลอ้างอิง: ESA
- Dancing dust devils trace raging winds on Mars