
ในที่สุดจำนวนดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ (exoplanets) ที่ได้รับการยืนยันโดยองค์การนาซา ก็ได้ทำสถิติใหม่ ด้วยตัวเลขที่พุ่งทะลุ 6,000 ดวงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดของการสำรวจอวกาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมานับตั้งแต่มีการค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบดวงแรก
การนับจำนวนดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ ซึ่งก็คือดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดาวฤกษ์ดวงอื่นนอกเหนือจากดวงอาทิตย์ของเรานั้น ไม่ได้มีเพียงการค้นพบจากภารกิจของนาซาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงความร่วมมือของนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลก โดยดาวเคราะห์ที่ได้รับการยืนยันจะถูกเพิ่มเข้าไปในฐานข้อมูลอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ภายใต้การดูแลของสถาบันวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะแห่งนาซา (NASA’s Exoplanet Science Institute – NExScI)
การค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะจำนวนมหาศาลไม่ได้มีแค่การเพิ่มตัวเลขเท่านั้น แต่ยังช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ได้เห็นภาพรวมของประชากรดาวเคราะห์ทั่วทั้งกาแล็กซีว่ามีความแตกต่างจากระบบสุริยะของเราอย่างไร ตัวอย่างเช่น ในระบบสุริยะของเรามีจำนวนดาวเคราะห์หินและดาวเคราะห์แก๊สยักษ์ที่ใกล้เคียงกัน แต่ดูเหมือนว่าในจักรวาลโดยรวมแล้ว ดาวเคราะห์หินจะมีจำนวนมากกว่า
นอกจากนี้ นักวิจัยยังได้ค้นพบดาวเคราะห์ที่มีลักษณะแตกต่างไปจากดาวเคราะห์ในระบบสุริยะของเราอย่างสิ้นเชิง ได้แก่
- ดาวเคราะห์ขนาดเท่าดาวพฤหัสบดีที่โคจรใกล้ดาวฤกษ์ของมันมากกว่าระยะห่างจากดาวพุธถึงดวงอาทิตย์ของเรา
- ดาวเคราะห์ที่โคจรอยู่รอบดาวฤกษ์สองดวง หรือดาวเคราะห์ที่โคจรอย่างไร้ดาวฤกษ์
- ดาวเคราะห์ที่ถูกปกคลุมด้วยลาวา
- ดาวเคราะห์ที่มีความหนาแน่นต่ำคล้ายกับโฟม
- ดาวเคราะห์ที่มีก้อนเมฆที่ประกอบด้วยอัญมณี
การค้นพบเหล่านี้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจเงื่อนไขที่ดาวเคราะห์สามารถก่อตัวขึ้นได้ และประเมินว่าดาวเคราะห์คล้ายโลกของเราอาจมีอยู่ทั่วไปมากน้อยแค่ไหนในจักรวาล ซึ่งความรู้นี้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการตอบคำถามที่ว่า “เราอยู่เพียงลำพังในเอกภพหรือไม่”
การล่าหาโลกใหม่ ความท้าทายและเทคโนโลยีในอนาคต
แม้ว่าจะมีดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะที่ได้รับการยืนยันแล้วกว่า 6,000 ดวง แต่มีเพียงไม่ถึง 100 ดวงเท่านั้นที่สามารถถ่ายภาพโดยตรงได้ เนื่องจากแสงของดาวเคราะห์นั้นจางมากเมื่อเทียบกับแสงจากดาวฤกษ์แม่ของมัน ดังนั้นวิธีการค้นหาส่วนใหญ่จึงเป็นวิธีทางอ้อม เช่น วิธีการผ่านหน้า (transit method) ที่นักดาราศาสตร์จะสังเกตการหรี่ลงของแสงดาวฤกษ์เมื่อมีดาวเคราะห์โคจรผ่านหน้า
อย่างไรก็ตาม สัญญาณที่ตรวจจับได้จำเป็นต้องได้รับการยืนยันซ้ำจากกล้องโทรทรรศน์อื่น ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นดาวเคราะห์จริง ๆ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมยังมีรายชื่อ “ดาวเคราะห์ตัวอย่าง (candidate planets)” อีกกว่า 8,000 ดวงที่รอการยืนยัน
ในอนาคตอันใกล้ นาซาเตรียมใช้งานกล้องโทรทรรศน์อวกาศ Nancy Grace Roman Space Telescope ซึ่งจะใช้เทคนิค Gravitational microlensing หรือการ lensing ด้วยแรงโน้มถ่วงระดับเล็ก เพื่อค้นหาดาวเคราะห์นับพันดวง และเมื่อก้าวไปข้างหน้าอีกขั้น นาซามีเป้าหมายที่จะค้นหาดาวเคราะห์หินที่มีลักษณะคล้ายโลกและศึกษาองค์ประกอบในชั้นบรรยากาศเพื่อมองหา biosignatures หรือสัญญาณที่บ่งชี้ถึงสิ่งมีชีวิต
แต่การจะทำเช่นนั้นได้ต้องเอาชนะความท้าทายเรื่องแสงจ้าจากดาวฤกษ์ ซึ่งอาจสว่างกว่าดาวเคราะห์เป็นหมื่นล้านเท่า โครงการในอนาคตอย่าง Habitable Worlds Observatory กำลังถูกพัฒนาเพื่อใช้เทคโนโลยี coronagraph ที่จะช่วยบังแสงจากดาวฤกษ์ ทำให้สามารถตรวจจับดาวเคราะห์ที่จางกว่าได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งจะทำให้การค้นหาคำตอบของคำถามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ “เราอยู่เพียงลำพังในจักรวาลนี้หรือไม่?” เข้าใกล้ความจริงยิ่งขึ้นไปอีก
ข้อมูลอ้างอิง: NASA
- NASA’s Tally of Planets Outside Our Solar System Reaches 6,000