
เตรียมตัวพบกับปรากฏการณ์ท้องฟ้ายามค่ำคืนสุดพิเศษในเดือนตุลาคมนี้ เมื่อดาวหางดวงใหม่นามว่า C/2025 R2 (SWAN) จะโคจรใกล้โลกในวันที่ 21 ตุลาคม 2568 และอาจมีความสว่างมากพอที่จะมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ข่าวดีสำหรับคนไทยคือ ดาวหางดวงนี้สามารถสังเกตการณ์ได้จากประเทศไทยเช่นกัน
ดาวหาง C/2025 R2 (SWAN) ถูกค้นพบครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 ที่ผ่านมาโดย วลาดิมีร์ เบซูกลี (Vladimir Bezugly) นักดาราศาสตร์สมัครเล่นชาวยูเครน หลังจากนั้นไม่นาน ดาวหางดวงนี้ก็สว่างขึ้นอย่างรวดเร็วจนสร้างความหวังว่าเราอาจจะได้เห็นการแสดงที่สวยงามบนท้องฟ้าในช่วงที่มันเข้าใกล้โลกมากที่สุด
ความสว่างของดาวหางเกิดขึ้นได้อย่างไร? เมื่อดาวหางโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ ความร้อนจะทำให้ก้อนน้ำแข็งและสสารต่าง ๆ ที่ใจกลางของดาวหาง หรือที่เรียกว่า “นิวเคลียส” (nucleus) เกิดกระบวนการ “การระเหิด” (sublimation) ซึ่งคือการเปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นก๊าซโดยตรง ก๊าซเหล่านี้จะฟุ้งกระจายออกมารอบนิวเคลียส และถูก “ลมสุริยะ” (solar wind) พัดให้สะบัดออกไปกลายเป็นหางยาว ทั้งฝุ่นและก๊าซในหางของดาวหางจะสะท้อนแสงอาทิตย์ ทำให้เรามองเห็นมันสว่างไสวอยู่บนท้องฟ้า
ดาวหาง C/2025 R2 (SWAN) ได้โคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดไปแล้วเมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา ที่ระยะห่างประมาณ 75 ล้านกิโลเมตร หรือเกือบครึ่งหนึ่งของระยะห่างเฉลี่ยระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์
ข้อมูลล่าสุดจากฐานข้อมูลการสังเกตการณ์ดาวหาง (COBS) ระบุว่า ดาวหาง C/2025 R2 (SWAN) มีค่าความสว่างอยู่ที่โชติมาตร (magnitude) 5.6 ซึ่งในทางทฤษฎีถือว่าเข้าใกล้ขีดจำกัดที่ดวงตามนุษย์จะมองเห็นได้ ซึ่งตาของมนุษย์สามารถมองเห็นวัตถุบนท้องฟ้าที่มีโชติมาตรน้อยกว่า +6 ได้ภายใต้เงื่อนไขท้องฟ้าที่มืดสนิท
ดังนั้น แม้จะมีโอกาสเห็นดาวหางดวงนี้เป็นจุดฝ้าจาง ๆ ด้วยตาเปล่าในพื้นที่ที่ท้องฟ้ามืดมิดปราศจากแสงเมืองรบกวน แต่วิธีที่ดีที่สุดในการชมความงามของดาวหางคือการใช้กล้องสองตา (binoculars) หรือกล้องโทรทรรศน์ (telescope) ซึ่งจะช่วยให้เห็นรายละเอียดและความสว่างได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
คู่มือการชมดาวหาง C/2025 R2 (SWAN) สำหรับประเทศไทย
สำหรับผู้สังเกตการณ์ในประเทศไทย ดาวหางดวงนี้จะปรากฏให้เห็นบนท้องฟ้าในช่วงค่ำทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ แต่จะมีความท้าทายอยู่บ้างเนื่องจากตำแหน่งของดาวหางจะอยู่ค่อนข้างต่ำใกล้ขอบฟ้า โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุด คือช่วงหัวค่ำหลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วและท้องฟ้าเริ่มมืดสนิทโดยให้มองไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ควรเลือกสถานที่ที่ขอบฟ้าทิศตะวันตกเฉียงใต้เปิดโล่ง ไม่มีอาคารสูง ต้นไม้ หรือภูเขาบดบัง และที่สำคัญคือต้องเป็นบริเวณที่มืดสนิท ปราศจากแสงไฟรบกวน
ตำแหน่งบนท้องฟ้าในเดือนตุลาคม
- วันที่ 16 ตุลาคม 2568 ดาวหางจะปรากฏอยู่บริเวณใกล้กับดาว ซี งู (Xi Serpentis) ในกลุ่มดาวงู (Serpens)
- สัปดาห์ถัดมา ดาวหางจะเคลื่อนที่ผ่านเหนือกลุ่มดาวรูปกาต้มน้ำ (Teapot asterism) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มดาวคนยิงธนู (Sagittarius) และเคลื่อนผ่านเข้าไปในเขตของกลุ่มดาวโล่ (Scutum)
- ช่วงสิ้นเดือนตุลาคม เราจะสามารถมองเห็นดาวหางดวงนี้ได้เหนือขอบฟ้าทางทิศใต้ โดยจะอยู่ระหว่างดาวสว่างอย่าง ซาดัลเมลิก (Sadalmelik) และ ซาดัลซูด (Sadalsuud) ในกลุ่มดาวคนแบกหม้อน้ำ (Aquarius) โดยมีดวงจันทร์ครึ่งดวงส่องสว่างอยู่ด้านล่าง
สำหรับผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับตำแหน่งของกลุ่มดาวเหล่านี้ แอปพลิเคชันดูดาวบนสมาร์ทโฟน เช่น Star Walk หรือ Sky Tonight จะเป็นผู้ช่วยที่ดีในการระบุตำแหน่งของดาวหางได้อย่างแม่นยำ
การมาเยือนของดาวหาง C/2025 R2 (SWAN) ถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับทุกคน แม้ว่าการสังเกตการณ์จะมีความท้าทายอยู่บ้างเนื่องจากตำแหน่งที่ใกล้ขอบฟ้า แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อย่าพลาดการชมผู้มาเยือนจากห้วงอวกาศในครั้งนี้ ลองหาเวลาว่างในคืนที่ท้องฟ้าแจ่มใส ออกไปนอกเมืองที่ไม่มีแสงรบกวน แล้วเตรียมกล้องสองตาหรือกล้องโทรทรรศน์ของคุณให้พร้อม เพื่อเก็บภาพความทรงจำของปรากฏการณ์ท้องฟ้าครั้งนี้
ข้อมูลอ้างอิง: Space. com
- How to see Comet C/2025 R2 (SWAN) shine in the October sky
- ภาพของดาวหาง C/2025 R2 (SWAN) บันทึกเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 ใกล้กับดาวฤกษ์สีน้ำเงินสไปกา (Spica) ถ่ายโดย เจอรัลด์ เรมานน์ (Gerald Rhemann) และมิชาเอล เยเกอร์ (Michael Jaeger)