
องค์การนาซา (NASA) เปิดเผยว่า คณะนักดาราศาสตร์นานาชาติได้ใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble Space Telescope) ค้นพบดาวแคระขาว (white dwarf) มวลยิ่งยวดดวงหนึ่ง ซึ่งเป็นหลักฐานที่หาได้ยากยิ่ง อันเกิดจากการชนและรวมตัวกันของดาวฤกษ์สองดวง การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่าวัตถุประเภทนี้อาจมีอยู่ทั่วไปในเอกภพมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้
โดยปกติแล้ว ดาวแคระขาวคือซากดาวฤกษ์ที่หลงเหลืออยู่หลังจากดาวฤกษ์ที่มีมวลไม่เกิน 8 เท่าของดวงอาทิตย์ได้ใช้เชื้อเพลิงนิวเคลียร์จนหมดไป ดาวแคระขาวส่วนใหญ่จะมีชั้นบรรยากาศที่ประกอบด้วยไฮโดรเจนหรือฮีเลียมเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ดาวแคระขาวที่เพิ่งค้นพบใหม่ซึ่งมีชื่อว่า WD 0525+526 กลับมีลักษณะพิเศษที่แตกต่างออกไป
ดาวดวงนี้มีชั้นบรรยากาศที่ประกอบด้วยคาร์บอน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ปกติอย่างยิ่ง เนื่องจากแกนกลางของดาวแคระขาวซึ่งโดยทั่วไปประกอบด้วยคาร์บอนและออกซิเจน มักจะถูกซ่อนอยู่ใต้ชั้นบรรยากาศที่หนาแน่น การปรากฏของคาร์บอนบนพื้นผิวจึงบ่งชี้ถึงต้นกำเนิดอันรุนแรง เช่น การชนกันของดาวฤกษ์สองดวง ซึ่งทำให้ชั้นบรรยากาศไฮโดรเจนและฮีเลียมด้านนอกหลุดลอกออกไปจนหมดสิ้น
WD 0525+526 อยู่ห่างจากโลก 128 ปีแสง มีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ถึง 20% และมีอุณหภูมิพื้นผิวสูงเกือบ 21,000 เคลวิน (ประมาณ 20,700 องศาเซลเซียส) นับเป็นดาวแคระขาวที่เกิดจากการรวมตัวกันซึ่งมีมวลมากและร้อนกว่าดวงอื่นๆ ที่เคยพบมา แต่ในทางกลับกัน มันกลับมีปริมาณคาร์บอนในชั้นบรรยากาศน้อยที่สุดในบรรดาซากดาวจากการรวมตัวที่รู้จักทั้งหมด คือน้อยกว่าดวงอื่นถึง 100,000 เท่า
การค้นพบครั้งนี้เกิดขึ้นได้ด้วยความสามารถในการสังเกตการณ์ในย่านรังสีอัลตราไวโอเลต (ultraviolet) ที่มีความไวสูงของกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล ผ่านอุปกรณ์ Cosmic Origins Spectrograph แม้ว่าดาวแคระขาวดวงนี้จะดูเหมือนดาวปกติเมื่อสังเกตด้วยแสงที่ตามองเห็น แต่สเปกตรัมในย่านอัลตราไวโอเลตได้เผยให้เห็นร่องรอยของคาร์บอนอย่างชัดเจน
การค้นพบนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเข้าใจในกระบวนการก่อกำเนิดของดาวแคระขาว และเส้นทางที่อาจนำไปสู่การระเบิดของซูเปอร์โนวา (supernova) และยังนับเป็นครั้งแรกที่มีการระบุซากดาวแคระขาวที่เกิดจากการรวมตัวกันผ่านสเปกตรัมอัลตราไวโอเลต ทำให้นักดาราศาสตร์มีเครื่องมือใหม่ในการค้นหาวัตถุประเภทเดียวกันนี้ ซึ่งอาจซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางประชากรดาวแคระขาวที่ดูเหมือนปกติทั่วไป
ข้อมูลอ้างอิง: NASA, ESA, STScI, Ralf Crawford (STScI)
- This Is What Happens Inside Lava Planets