
องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (NASA) พร้อมด้วยผู้นำจากหน่วยงานอวกาศทั่วโลกและตัวแทนรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ได้รวมตัวกันเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา เพื่อผลักดันการดำเนินการตาม “ข้อตกลงอาร์ทิมิส” (Artemis Accords) ซึ่งเป็นหลักการปฏิบัติที่มุ่งเน้นการสำรวจดวงจันทร์ ดาวอังคาร และห้วงอวกาศที่ไกลออกไปอย่างมีความรับผิดชอบ การประชุมครั้งสำคัญนี้จัดขึ้นระหว่างการประชุมนานาชาติว่าด้วยการบินและอวกาศ (International Astronautical Congress – IAC) ครั้งที่ 76 ณ นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย
ในการกล่าวเปิดงาน ฌอน ดัฟฟี (Sean Duffy) รักษาการผู้บริหาร NASA ได้เน้นย้ำถึงวาระครบรอบ 5 ปีของข้อตกลงอาร์ทิมิสในเดือนหน้า พร้อมระบุถึงความสำคัญของการรวมกลุ่มพันธมิตรนี้ว่า
“เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ริเริ่มข้อตกลงอาร์ทิมิสในสมัยแรกของท่าน ท่านได้ทำให้มั่นใจว่า ค่านิยมของอเมริกาจะเป็นผู้นำ โดยการรวมกลุ่มประเทศพันธมิตรเพื่อกำหนดกฎระเบียบในอวกาศ และรับประกันว่าการสำรวจอวกาศจะยังคงเป็นไปอย่างสันติ หลังผ่านไป 5 ปี พันธมิตรของเราแข็งแกร่งกว่าที่เคย ซึ่งนี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเราพยายามเอาชนะจีนในการกลับสู่ดวงจันทร์ ไม่ใช่แค่เพื่อทิ้งรอยเท้า แต่ครั้งนี้คือเพื่อไปอยู่ (บนดวงจันทร์) อย่างถาวร”
ข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งนำโดย NASA และกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้มีการลงนามครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2563 ร่วมกับอีก 7 ประเทศผู้ร่วมก่อตั้ง ปัจจุบันได้ขยายตัวจนมีประเทศผู้ลงนามแล้วถึง 56 ประเทศ คิดเป็นเกือบ 30% ของประเทศทั่วโลก ซึ่งถือเป็นการตอบสนองต่อความสนใจที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกในกิจกรรมบนดวงจันทร์ ทั้งจากรัฐบาลและบริษัทเอกชน
ประเทศไทย ก้าวสู่เวทีอวกาศโลกในฐานะผู้ลงนามคนที่ 51
ในฐานะประเทศที่มุ่งมั่นในการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอวกาศ ประเทศไทยได้สร้างก้าวสำคัญด้วยการเข้าร่วมเป็นภาคีในข้อตกลงอาร์ทิมิสอย่างเป็นทางการ ได้ลงนามในข้อตกลงอาร์ทิมิสเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2567 ทำให้เป็นประเทศที่ 51 ของโลกที่เข้าร่วม หน่วยงานหลักของประเทศไทยคือ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ #GISTDA ภายใต้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ทำหน้าที่เป็นหน่วยลงนามและหน่วยประสานงานหลักของประเทศไทย
การลงนามนี้ถือเป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการสำรวจอวกาศอย่างโปร่งใส สันติ และยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับหลักการสากล และเปิดประตูสู่การยกระดับขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีอวกาศของประเทศ สร้างโอกาสให้นักวิจัย นักศึกษา และผู้ประกอบการไทย ได้เรียนรู้และพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูงร่วมกับนานาชาติ
สิ่งที่น่าจับตาเป็นพิเศษคือ ประเทศไทยเป็นประเทศแรกของโลก ที่เข้าร่วมความร่วมมือด้านอวกาศระดับนานาชาติ ทั้งในข้อตกลงอาร์ทิมิส (Artemis Accords) ที่นำโดยสหรัฐฯ และโครงการสถานีวิจัยดวงจันทร์นานาชาติ (International Lunar Research Station – ILRS) ที่นำโดยจีน สะท้อนถึงการทูตอวกาศที่ยืดหยุ่นและมุ่งแสวงหาประโยชน์สูงสุดเพื่อการพัฒนาประเทศ
หลักการสำคัญสู่การสำรวจที่ยั่งยืน
ผู้นำจากหลายสิบประเทศได้ร่วมกันหารือถึงข้อเสนอแนะในประเด็นสำคัญต่าง ๆ เพื่อให้เกิดการดำเนินงานที่เป็นไปตามหลักความรับผิดชอบและยั่งยืน
- การไม่แทรกแซงกิจกรรมของกันและกัน (Non-interference) รวมถึงความโปร่งใสเกี่ยวกับวันปล่อยยานที่คาดการณ์ไว้ ลักษณะกิจกรรมทั่วไป และตำแหน่งที่จะลงจอด
- การลดและจัดการขยะอวกาศ (Orbital Debris Mitigation) รวมถึงการจัดการการกำจัดซากขยะ
- การทำงานร่วมกันได้ของระบบ (Interoperability) เพื่อการปฏิบัติงานที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- การเผยแพร่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Data Release) เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วมกันของมนุษยชาติ
ในอนาคตอันใกล้นี้ คาดว่าจะมีประเทศต่าง ๆ ลงนามในข้อตกลงอาร์ทิมิสเพิ่มเติมอีกหลายประเทศ ในขณะที่ NASA ยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์อนาคตที่ปลอดภัย สันติ และมั่งคั่งในอวกาศต่อไป
ข้อมูลอ้างอิง: NASA
- NASA, International Partners Deepen Commitment to Artemis Accords