ในยุคที่การแข่งขันด้านอวกาศไม่ได้จำกัดอยู่แค่หน่วยงานภาครัฐของชาติมหาอำนาจอีกต่อไป บริษัทเอกชนจากทั่วโลกต่างก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญในการบุกเบิกพรมแดนใหม่ และหนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นและกล้าหาญที่สุดคือ ไอสเปซ (ispace Inc.) บริษัทสตาร์ตอัปจากประเทศญี่ปุ่น ที่ไม่ได้มองดวงจันทร์เป็นเพียงจุดหมายปลายทางของการสำรวจ แต่เป็นฐานที่มั่นแห่งใหม่สำหรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจของมนุษยชาติ
จุดกำเนิดจากความท้าทายสู่ภารกิจระดับโลก
เรื่องราวของ ispace เริ่มต้นขึ้นจากโครงการ Google Lunar XPRIZE การแข่งขันระดับนานาชาติที่ท้าทายให้ทีมเอกชนสร้างและส่งยานอวกาศไปลงจอดบนดวงจันทร์ให้สำเร็จ ทีมจากญี่ปุ่นในชื่อ “ฮากุโตะ” (HAKUTO) ซึ่งเป็นรากฐานของ ispace ในปัจจุบัน ได้เข้าร่วมการแข่งขันและสร้างชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในผู้เข้ารอบสุดท้าย แม้การแข่งขันจะสิ้นสุดลงโดยไม่มีผู้ชนะ แต่ความฝันและเทคโนโลยีที่สั่งสมมาไม่ได้จบลงไปด้วย

เครดิตภาพ: ispace Inc.
ispace ได้ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการด้วยวิสัยทัศน์ที่ไกลกว่าเดิม นั่นคือการสร้าง “ระบบนิเวศระหว่างโลกและดวงจันทร์” (Cis-Lunar Ecosystem) เป้าหมายหลักคือการให้บริการขนส่งสัมภาระ (Payload) ขึ้นสู่พื้นผิวดวงจันทร์อย่างสม่ำเสมอ และในท้ายที่สุดคือการใช้ทรัพยากรบนดวงจันทร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “น้ำแข็ง” ที่คาดว่ามีอยู่บริเวณขั้วของดวงจันทร์ เพื่อนำมาแยกเป็นออกซิเจนสำหรับหายใจและไฮโดรเจนสำหรับเป็นเชื้อเพลิงจรวดในอนาคต
ภารกิจ HAKUTO-R Mission 1 ก้าวแรกที่กล้าหาญ

เครดิตภาพ: ispace Inc.
ispace ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ด้วยภารกิจแรกที่ชื่อว่า HAKUTO-R Mission 1 โดยได้ส่งยานลงจอด (Lander) ของตนเองขึ้นสู่อวกาศเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2565 ในช่วงวินาทีสุดท้ายของความพยายามลงจอดในเดือนเมษายน พ.ศ. 2566 ยานได้ขาดการติดต่อไปและคาดว่ากระแทกกับพื้นผิวดวงจันทร์ แม้ภารกิจแรกจะจบลงด้วยความล้มเหลวในการลงจอดแบบนุ่มนวล (Soft Landing) แต่มันคือ “ความล้มเหลวที่ทรงคุณค่า” ซึ่งข้อมูลมหาศาลที่ได้รับถือเป็นบทเรียนสำคัญยิ่ง
ภารกิจที่ 2 (Mission 2) บทพิสูจน์แห่งความไม่ย่อท้อ
จากบทเรียนในภารกิจแรก ispace กลับมาอีกครั้งกับ ภารกิจที่ 2 (Mission 2) ซึ่งส่งยานลงจอดลำใหม่ชื่อ “รีซิเลียนซ์” (RESILIENCE) ที่แปลว่า “ความยืดหยุ่นไม่ย่อท้อ” ขึ้นสู่อวกาศในช่วงต้นปี พ.ศ. 2568 (ค.ศ. 2025) ยานลำนี้เดินทางสู่ดวงจันทร์ได้อย่างราบรื่น สามารถเข้าสู่วงโคจรและปฏิบัติการต่างๆ ได้สำเร็จตามแผน สร้างความหวังครั้งใหม่ให้กับทีมงานและผู้ติดตามทั่วโลก

เครดิตภาพ: ispace Inc.
อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ได้ซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง ในความพยายามลงจอดช่วงเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2568 ยาน RESILIENCE ประสบปัญหาและทำให้เกิดการลงจอดอย่างรุนแรง (Hard Landing) บนพื้นผิวดวงจันทร์อีกครั้ง แต่ ispace ได้เปิดเผยผลการวิเคราะห์ทางเทคนิคอย่างรวดเร็ว โดยระบุว่าสาเหตุเกิดจากความผิดปกติของเครื่องวัดระยะด้วยเลเซอร์ (Laser Range Finder – LRF) ซึ่งให้ข้อมูลล่าช้า ทำให้ระบบไม่สามารถคำนวณการชะลอความเร็วได้อย่างถูกต้องในช่วงสุดท้าย
แม้จะเป็นความล้มเหลวในการลงจอดเป็นครั้งที่สอง แต่ภารกิจนี้ก็ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ เพราะบริษัทสามารถระบุต้นตอของปัญหาได้อย่างชัดเจน และยืนยันว่าระบบขับเคลื่อนและซอฟต์แวร์ส่วนอื่นๆ ทำงานได้เป็นปกติ ข้อมูลที่ได้จากภารกิจนี้จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนายานในภารกิจต่อไปให้มีความสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
แผนงานในอนาคต สู่การลงจอดที่ยั่งยืนและเศรษฐกิจบนดวงจันทร์
ispace ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าตามแผนงานที่วางไว้อย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจนและยิ่งใหญ่กว่าเดิม

เครดิตภาพ: ispace Inc.
ภารกิจที่ 3 (Mission 3) กำหนดไว้ในปี พ.ศ. 2569 (ค.ศ. 2026) ภารกิจนี้จะมีความพิเศษอย่างยิ่ง โดยจะเป็นการนำของ ispace U.S. (สาขาสหรัฐอเมริกา) ซึ่งจะใช้ยานลงจอดรุ่นใหม่ที่มีขนาดใหญ่และขีดความสามารถสูงขึ้นในชื่อ “เอเพ็กซ์ 1.0” (APEX 1.0) ภารกิจนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Commercial Lunar Payload Services (CLPS) ขององค์การนาซา (NASA) ซึ่ง ispace ได้รับเลือกให้เป็นผู้ขนส่งสัมภาระทางวิทยาศาสตร์ของนาซาไปยังดวงจันทร์ นับเป็นการยอมรับในศักยภาพของบริษัทจากองค์กรอวกาศระดับโลก
การเดินทางของ ispace Inc. คือบทพิสูจน์อันทรงพลังว่าความฝันในการบุกเบิกอวกาศสามารถเกิดขึ้นได้จากภาคเอกชนที่มีความมุ่งมั่น แม้จะต้องเผชิญกับความล้มเหลวและความท้าทายที่ยากลำบากถึงสองครั้งสองครา แต่ทุกย่างก้าวที่ผิดพลาดได้กลายเป็นบทเรียนอันล้ำค่า พวกเขากำลังปูทางไปสู่อนาคตที่ดวงจันทร์ไม่ใช่เพียงวัตถุท้องฟ้าที่ส่องสว่างยามค่ำคืน แต่เป็นส่วนขยายของอารยธรรมมนุษย์ และเป็นสถานีต่อไปสำหรับการเดินทางสู่ดาวเคราะห์ดวงอื่นในระบบสุริยะ