บริษัทโทรคมนาคมรายใหญ่ของยูเครน Kyivstar ประกาศเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมาว่า กำลังเตรียมขยายการทดสอบบริการ Starlink Direct to Cell ของบริษัท SpaceX ให้ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยให้โทรศัพท์มือถือมาตรฐานสามารถเชื่อมต่อกับสัญญาณอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมได้โดยตรง โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์รับสัญญาณเพิ่มเติม
นี่คือความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าของการสื่อสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือพื้นที่ห่างไกล บริการ Starlink Direct to Cell นี้ทำงานโดยการเชื่อมต่อสัญญาณจากดาวเทียม Starlink ของ SpaceX สู่โทรศัพท์มือถือทั่วไปได้โดยตรง ซึ่งแตกต่างจากบริการ Starlink แบบเดิมที่ต้องใช้จานรับสัญญาณขนาดใหญ่ การทดสอบนี้จะดำเนินการครอบคลุมทั่วประเทศยูเครน ยกเว้นพื้นที่ชายแดน เขตสู้รบ และพื้นที่ที่ถูกยึดครองโดยกองกำลังรัสเซีย
บริการ Starlink Direct to Cell ของ SpaceX เป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนดาวเทียมให้เป็นเสาสัญญาณโทรศัพท์มือถือที่โคจรอยู่ในอวกาศ โดยใช้เทคโนโลยี eNodeB modem เพื่อให้โทรศัพท์มือถือ 4G LTE ทั่วไปสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้โดยตรงโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมใด ๆ ซึ่งต่างจากบริการ Starlink ทั่วไปที่ใช้คลื่นความถี่สูง แต่บริการ Direct to Cell นี้ต้องอาศัย คลื่นความถี่โทรศัพท์มือถือภาคพื้นดิน (Cellular Spectrum) ที่ถูกจัดสรรไว้แล้ว (เช่น ย่าน 1900 MHz) ซึ่ง SpaceX ได้ทำข้อตกลงกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมท้องถิ่น เช่น Kyivstar และ T-Mobile เพื่อใช้คลื่นเหล่านี้ และเพิ่งลงทุนครั้งใหญ่ถึง 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้อคลื่นความถี่ AWS-4/H-block จาก EchoStar เพื่อเพิ่มความสามารถในการรองรับบริการเสียงและข้อมูลความเร็วสูงระดับ 5G ทั่วโลก ทำให้บริการนี้สามารถใช้งานได้แม้ในพื้นที่ห่างไกลหรือยามภัยพิบัติที่โครงข่ายภาคพื้นดินล่มสลาย
Kyivstar ระบุว่าเทคโนโลยีนี้จะมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับภารกิจสำคัญ เช่น การเก็บกู้ทุ่นระเบิด (De-mining operations) สถานการณ์ฉุกเฉิน และการเชื่อมต่อในพื้นที่ชนบทที่โครงข่ายภาคพื้นดินไม่สามารถเข้าถึงได้
บริษัท VEON ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Kyivstar ที่มีสำนักงานใหญ่ในดูไบ ได้ประกาศการทดสอบภาคสนามครั้งแรกในยุโรปตะวันออกเมื่อเดือนสิงหาคม หลังจากได้รับอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูแลโทรคมนาคมของยูเครนก่อนหน้านี้ โดยมีแผนการขยายการทดสอบให้ครอบคลุมผู้ใช้งานมือถือทุกรายทั่วประเทศภายในสิ้นปี 2568 ซึ่งในระยะเริ่มต้นนี้จะรองรับเพียงบริการข้อความสั้น (Text Messaging) โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ก่อนจะขยายไปสู่บริการโทรศัพท์เสียง (Voice Calls) และอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงบนมือถือ (Mobile Broadband) ในระยะต่อไป
เทคโนโลยี Starlink Direct to Cell ในปัจจุบันต้องอาศัยการร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือภาคพื้นดิน เช่น Kyivstar ในการจัดหาสัญญาณความถี่โทรศัพท์มือถือ (Cellular Spectrum) ที่จำเป็น เพื่อให้ดาวเทียม Starlink สามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือที่ไม่มีการดัดแปลงได้โดยตรง
เพื่อรองรับศักยภาพในอนาคตและแอปพลิเคชันที่ต้องการแบนด์วิธสูงขึ้น ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา SpaceX ได้ประกาศแผนการทุ่มเงินกว่า 17,000 ล้านดอลลาร์เพื่อซื้อคลื่นความถี่ดาวเทียมจากบริษัท EchoStar อีกด้วย
บริการ Starlink Direct to Cell เริ่มให้บริการเชิงพาณิชย์แล้วสำหรับข้อความสั้น การแจ้งเตือนฉุกเฉิน และการเชื่อมต่อแอปพลิเคชันแบบจำกัดในสหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ และญี่ปุ่น นอกจากนี้ ผู้ให้บริการมือถือสัญชาติอังกฤษอย่าง Virgin Media O2 ก็ได้ประกาศแผนการที่จะเปิดตัวบริการนี้ให้กับลูกค้าทั่วสหราชอาณาจักรในช่วงต้นปีหน้า
SpaceX ยังได้นำบริการนี้ไปใช้ในพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยเมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดใช้งานบริการนี้ในประเทศจาเมกาสำหรับลูกค้าของ Liberty Caribbean ทั้งหมด ขณะที่ภูมิภาคดังกล่าวถูกพายุเฮอริเคนเมลิสซาพัดถล่ม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการให้ความช่วยเหลือด้านการสื่อสารได้อย่างรวดเร็วในยามวิกฤต
ข้อมูลอ้างอิง: Space News
- Kyivstar prepares to expand Starlink Direct to Cell testing across Ukraine