ค่ำคืนในเดือนตุลาคมปีนี้ไม่ได้มีเพียงแสงดาวระยิบระยับเช่นเคย แต่ยังมีแขกผู้มาเยือนจากแดนไกลของระบบสุริยะ นั่นคือ ดาวหาง C/2025 A6 (Lemmon) ที่กำลังอวดโฉมความสว่างสุกใสบนท้องฟ้า ชวนให้ผู้คนทั่วโลกแหงนมองด้วยความตื่นตาตื่นใจ ปรากฏการณ์ครั้งนี้มีความพิเศษอย่างไร และเหตุใดเราจึงไม่ควรพลาดชม “ดาวหางแห่งชีวิต” ดวงนี้ บทความนี้มีคำตอบครับ
ทำความรู้จัก “ดาวหาง” ก้อนน้ำแข็งสกปรกแห่งอวกาศ
ก่อนจะไปพบกับดาวหางเลมมอน เรามาทำความรู้จักกับดาวหางกันก่อนครับ นักดาราศาสตร์มักเรียกดาวหางว่าเป็น “ก้อนหิมะสกปรก” (Dirty Snowball) เนื่องจากองค์ประกอบหลักของมันคือน้ำแข็ง คาร์บอนไดออกไซด์ มีเทน และแอมโมเนียในสถานะของแข็ง ปะปนอยู่กับเศษฝุ่นและหินขนาดเล็กต่างๆ ดาวหางเหล่านี้โคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงรีที่ยาวไกลอย่างยิ่ง
เมื่อดาวหางโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ ความร้อนจะทำให้น้ำแข็งบนพื้นผิวระเหิด เปลี่ยนสถานะจากของแข็งเป็นแก๊สอย่างรวดเร็ว ปลดปล่อยแก๊สและฝุ่นออกมาห่อหุ้มแกนกลางของดาวหาง เรียกว่า โคมา (Coma) ซึ่งเป็นส่วนหัวที่ฝ้ามัวที่เรามองเห็น จากนั้นลมสุริยะและแรงดันรังสีจากดวงอาทิตย์จะพัดพาอนุภาคเหล่านี้ให้ทอดยาวออกไป กลายเป็นหาง (Tail) ที่สวยงามชี้ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับดวงอาทิตย์เสมอ โดยทั่วไปหางของดาวหางจะมีสองชนิดคือ หางฝุ่นที่มีสีเหลืองนวลและโค้งไปตามวงโคจร และหางไอออน (หางแก๊ส) ที่มีสีฟ้าและเหยียดตรง
C/2025 A6 (เลมมอน) แขกผู้เจิดจรัส
ดาวหางเลมมอน ถูกค้นพบเมื่อช่วงต้นปี พ.ศ. 2568 โดยโครงการสำรวจท้องฟ้าเมานต์เลมมอน (Mount Lemmon Survey) และตลอดเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ดาวหางดวงนี้ได้ค่อยๆ เพิ่มความสว่างขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะเดินทางเข้าสู่ระบบสุริยะชั้นใน
จุดที่น่าตื่นเต้นที่สุดคือ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2568 ที่ผ่านมา ดาวหางเลมมอนได้โคจรเข้ามาใกล้โลกมากที่สุด ที่ระยะห่างประมาณ 90 ล้านกิโลเมตร ความสว่างของมันได้เพิ่มขึ้นจนถึงระดับที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ในพื้นที่ที่ห่างไกลจากแสงไฟในเมืองรบกวน นับเป็นโอกาสอันหาได้ยากยิ่งสำหรับนักดูดาวและผู้ที่สนใจปรากฏการณ์บนฟากฟ้า
การเดินทางของดาวหางเลมมอนยังไม่สิ้นสุด เพราะในวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 มันจะโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด หรือที่เรียกว่า “จุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด” (Perihelion) ซึ่ง ณ จุดนั้น ความร้อนจากดวงอาทิตย์จะทำให้ดาวหางปลดปล่อยแก๊สและฝุ่นออกมาอย่างมหาศาล ส่งผลให้มันอาจสว่างไสวที่สุดและมีหางที่ยาวที่สุด ก่อนที่แรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์จะเหวี่ยงมันกลับสู่อวกาศอันมืดมิดและหนาวเย็นอีกครั้ง
สิ่งที่ทำให้ดาวหาง C/2025 A6 (เลมมอน) มีความพิเศษยิ่งกว่าดาวหางดวงอื่น คือคาบการโคจรของมันที่ยาวนานอย่างเหลือเชื่อ จากการคำนวณของนักดาราศาสตร์พบว่า หลังจากที่มันอำลาท้องฟ้าของเราไปในครั้งนี้ มันจะต้องใช้เวลานานถึง 1,150 ปี เลยทีเดียวจึงจะโคจรกลับมายังระบบสุริยะชั้นในอีกครั้ง นั่นหมายความว่านี่คือโอกาสครั้งแรกและครั้งเดียวในชั่วชีวิตของเราที่จะได้ยลโฉมความงดงามของดาวหางดวงนี้
ปรากฏการณ์เช่นนี้เป็นเครื่องเตือนใจให้เราตระหนักถึงความกว้างใหญ่ไพศาลของเอกภพ และการเดินทางที่ไม่สิ้นสุดของวัตถุท้องฟ้าต่างๆ การได้แหงนมองดาวหางเลมมอนด้วยตาของเราเอง จึงไม่ใช่เป็นเพียงการชมปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ แต่คือการเชื่อมโยงตัวเราเข้ากับประวัติศาสตร์ของระบบสุริยะที่ยาวนานนับพันปี