
การแข่งขันทางอวกาศครั้งใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่ครั้งนี้ไม่ใช่การส่งมนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์เป็นคนแรก แต่เป็นการช่วงชิงความเป็นผู้นำด้านพลังงานบนดวงจันทร์ โดยมีเป้าหมายคือการติดตั้งเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิชชันเพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานสำหรับฐานที่มั่นถาวรในอนาคต
องค์การนาซาของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศเร่งรัดโครงการพัฒนาเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์สำหรับพื้นผิวดวงจันทร์ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะต้องพร้อมใช้งานภายในปี ค.ศ. 2030 เตาปฏิกรณ์ดังกล่าวถูกออกแบบให้มีกำลังผลิตไฟฟ้า 100 กิโลวัตต์ ซึ่งเพียงพอสำหรับจ่ายพลังงานให้กับบ้านเรือนบนโลกได้ราว 80 หลัง
แหล่งพลังงานที่มั่นคงนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ โครงการอาร์ทิมิส (Artemis program) ซึ่งมีเป้าหมายในการส่งมนุษย์กลับไปดวงจันทร์และจัดตั้งฐานที่พักอาศัยถาวรบริเวณขั้วใต้ของดวงจันทร์ พลังงานนิวเคลียร์จะช่วยให้นักบินอวกาศและระบบต่าง ๆ สามารถทำงานได้ตลอดช่วงเวลากลางคืนของดวงจันทร์ที่ยาวนานถึง 14 วันของโลก ซึ่งแผงโซลาร์เซลล์ไม่สามารถทำงานได้
ทำไมต้องเป็นพลังงานนิวเคลียร์?
ดวงจันทร์มีสภาพแวดล้อมที่โหดร้าย ค่ำคืนที่ยาวนานทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างมาก การพึ่งพาพลังงานแสงอาทิตย์เพียงอย่างเดียวจึงไม่เพียงพอสำหรับภารกิจระยะยาว เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ฟิชชันสามารถให้พลังงานได้อย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ ไม่ว่าจะมีแสงอาทิตย์หรือไม่ก็ตาม สิ่งนี้จะช่วยสนับสนุนระบบยังชีพ ที่อยู่อาศัย ยานสำรวจ ไปจนถึงการทำเหมืองทรัพยากรบนดวงจันทร์ในอนาคต
การเร่งรัดโครงการของนาซาเกิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้นจากจีนและรัสเซีย ซึ่งได้ประกาศความร่วมมือที่จะสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์บนดวงจันทร์ร่วมกันภายในช่วงกลางทศวรรษ 2030 (ประมาณปี ค.ศ. 2035)
ฝ่ายสหรัฐฯ แสดงความกังวลว่า หากจีนและรัสเซียทำได้สำเร็จก่อน ก็อาจเข้าควบคุมพื้นที่ยุทธศาสตร์บนดวงจันทร์ โดยเฉพาะบริเวณที่มีแสงแดดและน้ำแข็ง ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญ และอาจประกาศ “เขตหวงห้าม” (keep-out zone) ที่จะจำกัดการเข้าถึงของชาติอื่น ๆ ได้ การแข่งขันครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่ยังเป็นเรื่องของการรักษาอิทธิพลและสร้างความมั่นคงทางยุทธศาสตร์ในอวกาศอีกด้วย
การเร่งพัฒนาเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์บนดวงจันทร์ไม่ใช่เป็นเพียงความก้าวหน้าทางวิศวกรรมอวกาศ แต่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่กำลังจะกำหนดทิศทางอนาคตของการสำรวจอวกาศ ภูมิรัฐศาสตร์ และเศรษฐกิจนอกโลกอย่างมีนัยสำคัญ
ผลลัพธ์ของการแข่งขันจะส่งผลโดยตรงต่อการจัดระเบียบ การแบ่งปันผลประโยชน์ และการกำหนดกฎกติกาบนดวงจันทร์ ซึ่งจะเป็นบรรทัดฐานสำหรับการขยายอิทธิพลของมนุษยชาติออกไปในระบบสุริยะต่อไปในอนาคต
ข้อมูลอ้างอิง: IEEE Spectrum
- China, Russia, and U.S. Race to Develop Lunar Nuclear Reactors