ข่าวอวกาศ

NASA ใช้ยานสำรวจดาวอังคารสามทหารเสือ ส่อง “ดาวหาง 3I/ATLAS” วัตถุระหว่างดาวดวงที่ 3!

ยานสำรวจในวงโคจรและรถสำรวจบนพื้นผิวดาวอังคารของ NASA ได้บันทึกภาพของดาวหาง 3I/ATLAS ซึ่งเป็นวัตถุระหว่างดาวฤกษ์ดวงที่ 3 ที่ค้นพบในระบบสุริยะของเรา จากตำแหน่งที่ใกล้ที่สุดเท่าที่ยานจะสามารถเข้าถึงได้ ภาพถ่ายและข้อมูลที่ไม่ซ้ำใครเหล่านี้จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ไขปริศนาองค์ประกอบและวิวัฒนาการของดาวหางลึกลับนี้ได้

ในต้นเดือนตุลาคม 2025 ที่ผ่านมา ยานสำรวจดาวอังคารขององค์การนาซาถึง 3 ลำได้มีโอกาสเป็นพยานในการสังเกตการณ์ดาวหางที่น่าสนใจดวงหนึ่ง นั่นคือ 3I/ATLAS ซึ่งนับเป็นวัตถุระหว่างดาวฤกษ์ (Interstellar Object) ดวงที่ 3 เท่านั้นที่ถูกค้นพบภายในระบบสุริยะของเรา โดยยานแต่ละลำได้ทำหน้าที่บันทึกข้อมูลที่ไม่ซ้ำกัน ซึ่งถือเป็นโอกาสทองในการทำความเข้าใจแขกผู้มาเยือนจากห้วงอวกาศอันไกลโพ้นนี้

  • ยาน Mars Reconnaissance Orbiter (MRO) ได้ถ่ายภาพระยะใกล้ของดาวหาง
  • ยาน MAVEN (Mars Atmosphere and Volatile EvolutioN) ได้บันทึกภาพด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต
  • รถสำรวจเพอร์เซเวียแรนซ์ (Perseverance rover) ได้เห็นร่องรอยจาง ๆ บนพื้นผิวดาวอังคาร

ยาน MRO ซึ่งปกติทำหน้าที่ถ่ายภาพพื้นผิวของดาวอังคาร ได้ใช้กล้องความละเอียดสูงพิเศษที่ชื่อว่า HiRISE (High Resolution Imaging Science Experiment) ในการจับภาพ 3I/ATLAS เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม จากระยะทางประมาณ 30 ล้านกิโลเมตร ซึ่งถือเป็นมุมมองระยะใกล้ที่สุดที่ยานอวกาศของ NASA หรือกล้องโทรทรรศน์บนโลกจะสามารถมองเห็นได้

ภาพถ่ายจาก HiRISE แสดงให้เห็นดาวหางเป็นเพียงลูกบอลสีขาวที่มีลักษณะเป็นเม็ดพิกเซล ซึ่งลูกบอลนี้คือ โคมา (Coma) หรือเมฆฝุ่นและน้ำแข็งที่ดาวหางได้ปล่อยออกมาขณะเดินทางผ่านดาวอังคาร ข้อมูลภาพถ่ายนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง

ยาน MAVEN ที่มีภารกิจหลักในการศึกษาชั้นบรรยากาศของดาวอังคาร ได้ใช้เครื่องมือ Imaging Ultraviolet Spectrograph (IUVS) บันทึกภาพดาวหางในสองลักษณะที่แตกต่างกัน

1. การถ่ายภาพหลายความยาวคลื่น เปรียบเสมือนการใช้ฟิลเตอร์หลายแบบเพื่อศึกษาโมเลกุลต่าง ๆ

2. การถ่ายภาพความละเอียดสูงด้วยรังสีอัลตราไวโอเลต (UV) เพื่อระบุตำแหน่งของธาตุไฮโดรเจนที่ถูกปล่อยออกมาจากดาวหาง

การรวมข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถระบุโมเลกุลที่หลากหลาย รวมถึงการวัดปริมาณไอระเหยของน้ำ ที่ปล่อยออกมาเมื่อดาวหางได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์ นอกจากนี้ ข้อมูลจาก IUVS ยังสามารถประเมินอัตราส่วนของไอโซโทปหนักของไฮโดรเจน ต่อไฮโดรเจนปกติ ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของแหล่งกำเนิดและวิวัฒนาการของดาวหาง

แม้จะอยู่ไกลออกไปบนพื้นผิวของปล่องภูเขาไฟเจซีโร่ (Jezero Crater) บนดาวอังคาร รถสำรวจเพอร์เซเวียแรนซ์ ก็ยังได้บันทึกภาพของ 3I/ATLAS ในวันที่ 4 ตุลาคม ด้วยกล้อง Mastcam-Z

เนื่องจากดาวหางมีความสลัวมาก รถสำรวจจึงต้องใช้การเปิดรับแสงเป็นเวลานาน (Long Exposure) ทำให้ดาวต่าง ๆ ปรากฏเป็นทางยาว (Star Trails) ขณะที่ดาวหางเองก็ปรากฏให้เห็นเป็นเพียงรอยเปื้อนจาง ๆ บนท้องฟ้ายามค่ำคืนของดาวอังคาร

การสังเกตการณ์ดาวหาง 3I/ATLAS ในครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อดาราศาสตร์ เนื่องจากเป็นเพียงวัตถุระหว่างดาวฤกษ์ดวงที่ 3 ที่เราค้นพบ (ก่อนหน้านี้คือ ‘Oumuamua และ 2I/Borisov) ดาวหางเหล่านี้ก่อตัวขึ้นในระบบดาวอื่น และถูกดีดออกมาเดินทางผ่านห้วงอวกาศระหว่างดาวฤกษ์ การศึกษาองค์ประกอบทางเคมีของมัน เช่น ปริมาณน้ำและอัตราส่วนของดิวเทอเรียม จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจได้ว่า ดาวหางนี้มาจากส่วนใดของเอกภพและเงื่อนไขทางเคมีดั้งเดิมของระบบดาวกำเนิดเป็นอย่างไร ซึ่งดาวหาง 3I/ATLAS จะเข้าใกล้โลกมากที่สุดในวันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม 2025


ข้อมูลอ้างอิง: NASA

  • NASA’s Mars Spacecraft Capture Images of Comet 3I/ATLAS