
กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (James Webb Space Telescope – JWST) และอาลมา (ALMA) ค้นพบหลักฐานอันน่าทึ่งของร่องรอยการเคลื่อนที่ในกาแล็กซีขนาดยักษ์ ที่อาจเกิดจากการที่หลุมดำมวลมหาศาลพุ่งไถลผ่านกาแล็กซี ทิ้งไว้ซึ่งรอยแผลเป็นขนาดมหึมาที่อุดมไปด้วยแก๊สและฝุ่น
ทีมนักดาราศาสตร์ได้สังเกตเห็นร่องรอยนี้ในกาแล็กซีชนิดก้นหอย NGC 3627 ซึ่งอยู่ห่างจากระบบสุริยะของเราประมาณ 31 ล้านปีแสง ในกลุ่มดาวสิงโต ร่องรอยนี้เป็นหางของแก๊สและฝุ่นที่จางและเป็นแนวเส้นตรง ซึ่งมีความโดดเด่นอย่างชัดเจนจากแขนกังหันทั้งสองของกาแล็กซี ร่องรอยนี้มีความยาวถึง 20,000 ปีแสง ซึ่งคิดเป็นประมาณหนึ่งในห้าของขนาดกาแล็กซีทางช้างเผือกของเรา แต่กลับมีความกว้างเพียง 650 ปีแสงเท่านั้น ทำให้มันเป็นร่องรอยที่ถูกค้นพบอย่างชัดเจนที่สุดและมีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเจอมา
ปริศนาร่องรอยกาแล็กซีที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
การค้นพบนี้เกิดขึ้นเมื่อนักดาราศาสตร์ Mengke Zhao และ Guang-Xing Li กำลังวิเคราะห์ข้อมูลจากการสำรวจ PHANGS (Physics at High Angular Resolution of Nearby Galaxies) ซึ่งใช้กล้องโทรทรรศน์หลายตัว รวมถึง JWST และ ALMA (Atacama Large Millimeter/submillimeter Array) ข้อมูลจาก JWST เผยให้เห็นว่าร่องรอยนี้มีอนุภาคฝุ่น ในขณะที่ข้อมูลจาก ALMA ชี้ว่ามันอุดมไปด้วยแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์
Li และ Zhao เชื่อว่าวัตถุขนาดใหญ่และหนาแน่นบางอย่าง เช่น หลุมดำมวลมหาศาล น่าจะเป็นต้นเหตุของการสร้างร่องรอยนี้ ตามแบบจำลองนี้ เมื่อวัตถุขนาดใหญ่ดังกล่าวพุ่งผ่านจานกาแล็กซี (galactic disk) มันจะบีบอัดแก๊สและฝุ่นออกไปด้านหลัง ทิ้งไว้เป็นร่องรอยที่บ่งบอกถึงการเคลื่อนที่อย่างปั่นป่วนของมัน การที่ร่องรอยนี้มีความปั่นป่วนอย่างมาก ก็เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่สนับสนุนแบบจำลองนี้
แม้ว่านักวิจัยจะสันนิษฐานว่าวัตถุขนาดใหญ่นี้น่าจะเป็นหลุมดำมวลมหาศาล แต่พวกเขาก็ระบุว่ามีความเป็นไปได้ที่มันอาจเป็นแกนกลางที่หนาแน่นของกาแล็กซีแคระ (dwarf galaxy) ก็ได้ อย่างไรก็ตาม การค้นพบนี้ได้เปิดมิติใหม่ในการศึกษาปฏิสัมพันธ์ระหว่างหลุมดำกับโครงสร้างของกาแล็กซี โดยเฉพาะการเผยให้เห็นผลกระทบที่อาจมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าในอวกาศอันไกลโพ้น
ข้อมูลอ้างอิง: Live Science