ข่าวอวกาศ

ESA เผยภาพดวงอาทิตย์ที่กว้างที่สุดและมีความละเอียดสูงสุดเท่าที่เคยมีมา! ปลดล็อกปริศนาสภาพอากาศอวกาศจากโคจรของ Solar Orbiter

องค์การอวกาศยุโรป (ESA) ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการดาราศาสตร์ ด้วยการเผยแพร่ภาพถ่ายดวงอาทิตย์ที่กว้างที่สุดและมีความละเอียดสูงสุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้ ภาพนี้เป็นผลงานของภารกิจ Solar Orbiter ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง ESA และ NASA โดยรวบรวมข้อมูลจากแผงกล้องโทรทรรศน์หลายตัวเพื่อแสดงให้เห็นถึงรายละเอียดพื้นผิวและบรรยากาศชั้นนอกของดวงอาทิตย์อย่างครบถ้วนในมุมมองเดียว การเปิดเผยครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นความสำเร็จทางวิศวกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นก้าวสำคัญในการทำความเข้าใจกลไกเบื้องหลังปรากฏการณ์ที่ขับเคลื่อนสภาพอากาศอวกาศ (Space Weather) ของเราอีกด้วย

ภาพถ่ายความละเอียดสูงพิเศษนี้ถูกบันทึกในเดือนเมษายน ปี ค.ศ. 2025 ขณะที่ยาน Solar Orbiter โคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ โดยอยู่ห่างออกไปประมาณ 75 ล้านกิโลเมตร ซึ่งถือเป็นระยะทางที่ใกล้กว่าดาวพุธเสียอีก กล้องหลักที่ใช้ในการจับภาพคือกล้องถ่ายภาพรังสีอัลตราไวโอเลตระยะไกล (EUI – Extreme Ultraviolet Imager) ที่สามารถมองเห็นพลาสมาในชั้นโคโรนา (Corona) หรือบรรยากาศชั้นนอกของดวงอาทิตย์ ซึ่งมีอุณหภูมิสูงถึงหลักล้านองศาเซลเซียส

สิ่งที่ทำให้ภาพนี้มีความพิเศษคือการที่ EUI ต้องถ่ายภาพต่อเนื่องหลายช็อตในรูปแบบของโมเสก (Mosaic) เนื่องจากกล้องถูกออกแบบมาเพื่อโฟกัสที่บริเวณเล็ก ๆ และมีรายละเอียดสูง ดังนั้น ทีมงานจึงต้องนำภาพเล็ก ๆ เหล่านั้นมาร้อยเรียงเข้าด้วยกัน เหมือนการนำชิ้นส่วนจิ๊กซอว์จำนวนมหาศาลมาต่อกัน จนได้เป็นภาพขนาดใหญ่ที่มีความละเอียดรวมเกือบ 9,148 x 9,112 พิกเซล กินพื้นที่เกือบ 270 องศาของดวงอาทิตย์

ภาพชุดนี้แสดงให้เห็นรายละเอียดอันน่าทึ่งที่นักวิทยาศาสตร์ไม่เคยเห็นในมุมกว้างมาก่อน

– ม่านโคโรนาที่ซับซ้อน (Complex Coronal Veil) ภาพเผยให้เห็นโครงสร้างของพลาสมาที่สลับซับซ้อนในชั้นโคโรนา ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของลมสุริยะ (Solar Wind) ที่พัดพาอนุภาคพลังงานสูงมายังโลกและระบบสุริยะของเรา

– ร่องรอยสนามแม่เหล็ก (Magnetic Field Traces) สังเกตเห็นร่องรอยของสนามแม่เหล็กที่พุ่งออกมาจากผิวของดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการทำนายและทำความเข้าใจการปะทุของดวงอาทิตย์ เช่น เปลวสุริยะ (Solar Flare) และการปลดปล่อยมวลโคโรนา (CME – Coronal Mass Ejection)

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการศึกษาโครงสร้างของสนามแม่เหล็กและพลาสมาเหล่านี้อย่างละเอียด จะช่วยให้เราเข้าใจได้ดีขึ้นว่า เหตุใดบรรยากาศชั้นนอกของดวงอาทิตย์ (โคโรนา) จึงมีอุณหภูมิสูงกว่าพื้นผิวที่มองเห็นได้ (โฟโตสเฟียร์) หลายเท่า ซึ่งเป็นหนึ่งในปริศนาสำคัญของฟิสิกส์ดวงอาทิตย์

ข้อมูลจากภาพถ่ายประวัติศาสตร์นี้ไม่ได้มีประโยชน์เพียงแค่ความรู้พื้นฐานเท่านั้น แต่ยังมีผลโดยตรงต่อชีวิตบนโลกและเทคโนโลยีอวกาศของเราด้วย การทำความเข้าใจสภาพอากาศอวกาศมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเหตุการณ์ปะทุจากดวงอาทิตย์สามารถส่งผลกระทบต่อดาวเทียม โครงข่ายไฟฟ้า และนักบินอวกาศ

ภารกิจ Solar Orbiter จึงเปรียบเสมือนดวงตาคู่ใหม่ที่คอยสังเกตการณ์หัวใจของระบบสุริยะ และมอบข้อมูลล่วงหน้าที่จำเป็นสำหรับปกป้องเทคโนโลยีสำคัญของมนุษยชาติจากการโจมตีของพายุสุริยะในอนาคต


ข้อมูลอ้างอิง: European Space Agency

  • Solar Orbiter’s widest high-res view of the Sun