ความพยายามในการจารึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการอวกาศเอกชนเกาหลีใต้ต้องสะดุดลง เมื่อ “Innospace” (อินโนสเปซ) สตาร์ตอัปด้านอวกาศสัญชาติเกาหลีใต้ ประสบความล้มเหลวในการส่งจรวดเชิงพาณิชย์ขึ้นสู่วงโคจรเป็นครั้งแรก โดยจรวดเกิดเหตุขัดข้องและตกลงสู่พื้นโลกเพียงไม่กี่นาทีหลังจากทะยานขึ้นจากฐานปล่อย สร้างความผิดหวังให้กับทีมงานและผู้ติดตามทั่วโลกที่รอชมความสำเร็จในครั้งนี้
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา จรวดรุ่น “Hanbit-Nano” (ฮันบิต-นาโน) ได้ถูกปล่อยออกจากศูนย์อวกาศอัลคานทารา (Alcantara Space Center) ในประเทศบราซิล ท่ามกลางความคาดหวังว่าจะเป็นก้าวแรกที่สำคัญของบริษัทเอกชนเกาหลีใต้ในการพิชิตวงโคจรโลก ทว่าหลังจากที่เครื่องยนต์จุดระเบิดและพาจรวดทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าได้เพียงประมาณ 1 นาที สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น จรวดที่มีความสูง 17.3 เมตร หรือเทียบเท่าตึกประมาณ 5-6 ชั้นลำนี้ ได้สูญเสียการควบคุมและตกลงสู่พื้นโลก ตามรายงานจาก Space Orbit ผู้เกาะติดสถานการณ์การปล่อยจรวดในครั้งนี้
ในขณะที่เกิดเหตุ ทาง Innospace ได้ยุติการถ่ายทอดสดผ่านเว็บแคสต์ (Webcast) ลงทันทีหลังจากมีการประกาศว่าเกิดความผิดปกติขึ้น ซึ่งในเบื้องต้นยังไม่มีการระบุสาเหตุที่แน่ชัดว่าความผิดพลาดเกิดจากระบบใด โดยทางบริษัทยังไม่ได้ออกมาชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียในทันทีหลังเกิดเหตุ
สำหรับจรวด Hanbit-Nano นั้นถือเป็นจรวดที่มีความน่าสนใจในเชิงวิศวกรรม เนื่องจากเป็นจรวดแบบสองท่อนที่ใช้ระบบเชื้อเพลิงแบบไฮบริด โดยท่อนแรกขับเคลื่อนด้วยการผสมผสานระหว่าง “ออกซิเจนเหลว” (Liquid Oxygen) กับ “พาราฟิน” (Paraffin) ส่วนท่อนบนหรือท่อนที่สองนั้นมีการออกแบบไว้สองรูปแบบ คือแบบที่ใช้เชื้อเพลิงเหมือนท่อนแรก และแบบที่ใช้ออกซิเจนเหลวร่วมกับมีเทนเหลว จรวดรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อภารกิจในการส่งสัมภาระน้ำหนักไม่เกิน 90 กิโลกรัม ขึ้นสู่วงโคจรสัมพันธ์กับดวงอาทิตย์ (Sun-synchronous orbit)
ความเสียหายในภารกิจครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ตัวจรวดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสัมภาระที่บรรทุกขึ้นไปด้วย ซึ่งประกอบด้วยดาวเทียมขนาดเล็กจำนวน 5 ดวง จากลูกค้าในประเทศบราซิลและอินเดีย รวมถึงอุปกรณ์สาธิตทางเทคโนโลยีอีก 3 ชิ้น ที่ต้องสูญหายไปพร้อมกับความล้มเหลวในการส่งครั้งนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้กำหนดการปล่อยจรวดจะถูกเลื่อนมาจากวันที่ 17 ธันวาคม เนื่องจากปัญหาทางเทคนิคและสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ แต่ดูเหมือนว่าอุปสรรคในการเดินทางสู่อวกาศจะยังคงเป็นโจทย์หินสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่เสมอ
แม้ความล้มเหลวครั้งนี้จะเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับ Innospace ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2017 และมีพนักงานราว 260 คน แต่เส้นทางของพวกเขายังไม่จบลงเพียงเท่านี้ คิม ซูจง ซีอีโอของบริษัทเคยกล่าวไว้ว่า พวกเขามีแผนที่จะพัฒนาจรวดที่มีขนาดใหญ่และทรงพลังมากขึ้นในชื่อรุ่น Hanbit-Micro และ Hanbit-Mini ในอนาคต การพัฒนาระบบเทคโนโลยีการปล่อยจรวดขึ้นเองภายในบริษัท (In-house) ทั้งหมดถือเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่
ประเด็นที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ “วงโคจรสัมพันธ์กับดวงอาทิตย์” (Sun-synchronous orbit หรือ SSO) ที่จรวดลำนี้ตั้งเป้าจะไปให้ถึง คือวงโคจรพิเศษที่ดาวเทียมจะโคจรรอบโลกโดยผ่านตำแหน่งเดิมในเวลาท้องถิ่นเดิมเสมอ ซึ่งมีประโยชน์อย่างมากสำหรับการถ่ายภาพสำรวจทรัพยากรโลก เพราะจะได้รับแสงอาทิตย์ในมุมเดิมเสมอ ทำให้เปรียบเทียบความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ได้ง่าย
ความล้มเหลวของการปล่อยจรวดเที่ยวปฐมฤกษ์ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในวงการอวกาศ แม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่ในปัจจุบันก็เคยผ่านจุดนี้มาก่อน เหตุการณ์นี้จึงเป็นเครื่องย้ำเตือนว่า “อวกาศเป็นเรื่องยาก” และทุกความผิดพลาดคือบันไดก้าวสำคัญสู่ความสำเร็จในอนาคต
ข้อมูลอ้างอิง: Space.com
- South Korean startup Innospace fails on its 1st orbital launch attempt