
นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบเบาะแสใหม่ที่อาจพลิกโฉมความเข้าใจของเราเกี่ยวกับสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการกำเนิดสิ่งมีชีวิตในกาแล็กซีทางช้างเผือก จากการจำลองด้วยคอมพิวเตอร์ล่าสุด ชี้ให้เห็นว่า การย้ายถิ่นฐานของดาวฤกษ์หรือ “stellar migration” สามารถขยายขอบเขตของ “เขตเอื้ออาศัยได้ในกาแล็กซี” (Galactic Habitable Zone: GHZ) ให้กว้างขึ้นกว่าที่เคยคาดไว้ได้ถึง 5 เท่า เพิ่มโอกาสในการค้นพบดาวเคราะห์ที่มีศักยภาพในการรองรับสิ่งมีชีวิตในพื้นที่รอบนอกของกาแล็กซีอย่างมีนัยสำคัญ
ก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเขตเอื้ออาศัยได้ในกาแล็กซี หรือ GHZ เป็นพื้นที่วงแหวนที่อยู่ห่างจากศูนย์กลางกาแล็กซีประมาณ 7-9 กิโลพาร์เซก (ประมาณ 23,000-30,000 ปีแสง) ซึ่งเป็นระยะที่ถือว่า “เหมาะสม” ที่สุดสำหรับสิ่งมีชีวิตที่จะถือกำเนิดขึ้นได้ เนื่องจากมีองค์ประกอบทางเคมีที่จำเป็นต่อการสร้างดาวเคราะห์หินในปริมาณที่พอเหมาะ และปลอดภัยจากภัยคุกคามต่างๆ ที่รุนแรง เช่น การระเบิดของซูเปอร์โนวาที่เกิดขึ้นอย่างหนาแน่นในบริเวณใจกลางกาแล็กซี
อย่างไรก็ตาม แบบจำลองทางดาราศาสตร์ในอดีตมักจะมองว่าดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ต่างๆ มีตำแหน่งที่คงที่ ซึ่งความจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น
งานวิจัยล่าสุดที่ได้รับการยอมรับให้ตีพิมพ์ในวารสาร Astronomy & Astrophysics ได้ทำการจำลองการเคลื่อนที่ของดาวฤกษ์ไปทั่วกาแล็กซี และพบว่าการเคลื่อนที่นี้มีผลกระทบอย่างมากต่อความเป็นไปได้ในการก่อตัวของดาวเคราะห์หินที่เอื้อต่อสิ่งมีชีวิต
ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า ดาวฤกษ์ที่ถือกำเนิดขึ้นในบริเวณด้านในของกาแล็กซีซึ่งมีธาตุหนัก (metallicity) ในปริมาณมาก ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการก่อตัวของดาวเคราะห์หิน จะค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปสู่บริเวณรอบนอกของกาแล็กซีที่เคยถูกมองว่าไม่เอื้อต่อการเกิดดาวเคราะห์มากนัก แต่เมื่อดาวฤกษ์เหล่านั้นไปถึง มันได้พาเอา “วัตถุดิบ” ที่จำเป็นในการสร้างดาวเคราะห์ไปด้วย
นักวิจัยพบว่า สถานการณ์นี้ทำให้โอกาสในการค้นพบดาวเคราะห์ที่มีศักยภาพในการรองรับสิ่งมีชีวิตในบริเวณรอบนอกของกาแล็กซีเพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อเทียบกับแบบจำลองที่ไม่มีการเคลื่อนที่ของดาวฤกษ์
การค้นพบนี้ไม่ได้เปลี่ยนเพียงแค่แผนที่การค้นหาสิ่งมีชีวิตในกาแล็กซีของเราเท่านั้น แต่ยังท้าทายแนวคิดดั้งเดิมที่ว่า “#เขตเอื้ออาศัยได้” เป็นพื้นที่ที่ตายตัวและไม่มีการเปลี่ยนแปลง แบบจำลองใหม่นี้แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการกำเนิดสิ่งมีชีวิตเป็นอาณาจักรที่มีพลวัตและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
นอกจากนี้ การศึกษาดังกล่าวยังเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการวางแผนภารกิจสำรวจอวกาศในอนาคตขององค์การอวกาศยุโรป (ESA) อย่าง โครงการ PLATO และโครงการ Ariel ซึ่งมีเป้าหมายหลักคือการสำรวจและค้นหาดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะที่มีคุณสมบัติคล้ายโลกในเขตเอื้ออาศัยได้ของดาวฤกษ์อื่นๆ การทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่า “เขตเอื้ออาศัยได้” ของกาแล็กซีมีขอบเขตที่กว้างและเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์สามารถระบุเป้าหมายในการสำรวจได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เครดิตภาพ: Sci Tech Daily
- Our Galaxy’s Sweet Spot for Life Is Bigger Than We Thought