ไซไฟอวกาศ

ไขปริศนาเครื่องเดินทางข้ามอวกาศในหนังไซไฟ จากนิยายของ คาร์ล เซแกน สู่รูหนอนข้ามจักรวาล

คุณเคยจินตนาการถึงการเดินทางข้ามห้วงอวกาศในชั่วพริบตาหรือไม่? แนวคิดอันน่าทึ่งนี้ได้ถูกนำเสนออย่างเป็นรูปธรรมในภาพยนตร์ไซไฟ ระดับตำนานเรื่อง “คอนแทค (Contact)” ซึ่งออกฉายในปี พ.ศ. 2540 (ค.ศ. 1997) โดยสร้างจากนวนิยายของนักดาราศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ คาร์ล เซแกน (Carl Sagan)

ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าถึงชีวิตของ ดร. แอลลี แอร์โรเวย์ (Dr. Ellie Arroway) (รับบทโดย โจดี ฟอสเตอร์) นักวิทยาศาสตร์จากโครงการ SETI (Search for Extraterrestrial Intelligence) ผู้ทุ่มเทชีวิตให้กับการฟังคลื่นวิทยุจากอวกาศเพื่อค้นหาสัญญาณของสิ่งมีชีวิตทรงปัญญา และความมุ่งมั่นของเธอก็เป็นผล เมื่อได้รับสัญญาณที่ประกอบด้วยชุดลำดับจำนวนเฉพาะ (Prime Numbers) ซึ่งมาจากดาวเวกา (Vega) ห่างออกไป 25 ปีแสง ภายในสัญญาณนั้นยังได้ซ่อนพิมพ์เขียวของเครื่องจักรสำหรับการเดินทางข้ามอวกาศไว้ นำไปสู่การร่วมมือกันของชาติต่าง ๆ ทั่วโลกเพื่อสร้างเครื่องจักรดังกล่าว และการเผชิญหน้ากับการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตมนุษยชาติ

หัวใจสำคัญของเรื่องราวทั้งหมดคือ เครื่องจักร (The Machine) ที่มนุษยชาติร่วมกันสร้างขึ้นเพื่อตอบรับพิมพ์เขียวที่ส่งมาจากดวงดาวเวกา เครื่องจักรนี้ไม่เพียงแต่เป็นฉากสำคัญของเรื่อง แต่ยังเป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างจินตนาการทางวิทยาศาสตร์และทฤษฎีทางฟิสิกส์ที่ซับซ้อนอีกด้วย

ลักษณะและการทำงานของเครื่องจักร

เครื่องจักรที่ปรากฏในภาพยนตร์เป็นแคปซูลทรงหลายหน้าแบบสิบสองหน้า (Dodecahedron Capsule) ออกแบบมาสำหรับผู้โดยสารเพียงคนเดียว ภายในโครงสร้างขนาดมหึมานี้ ประกอบด้วยวงแหวนขนาดใหญ่สามวงที่หมุนสวนทางกัน (Counter-rotating Rings) วงแหวนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการสร้างสนามพลังงานมหาศาล ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดสิ่งที่เรียกว่า “รูหนอนที่เดินทางผ่านได้” (Traversable Wormhole)

รูหนอน (Wormhole) เปรียบเสมือนทางลัดที่เจาะทะลุผ่านโครงสร้างปริภูมิ-เวลา (Fabric of Spacetime) หรือที่เรียกกันว่า “สะพานไอน์สไตน์-โรเซน” ตามทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์ หากเปรียบปริภูมิ-เวลาเป็นแผ่นกระดาษเรียบ ๆ รูหนอนก็คือการพับกระดาษแล้วเจาะรูทะลุเพื่อให้สองจุดที่อยู่ไกลกันมาบรรจบกัน ทำให้สามารถเดินทางข้ามกาแล็กซีได้ในเวลาอันสั้น

แม้ว่าแนวคิดเรื่องเครื่องจักรจะเป็นหัวใจของเรื่องราวที่น่าตื่นเต้น แต่ในความเป็นจริงทางวิทยาศาสตร์แล้ว เครื่องจักรที่เห็นในภาพยนตร์นั้นยังไม่มีความถูกต้อง (Not yet accurate) ในทางฟิสิกส์ การเดินทางผ่านรูหนอนตามที่เซแกนเสนอและผู้กำกับสร้างสรรค์นั้น อาศัยหลักการทางทฤษฎีอย่างเข้มข้น

คาร์ล เซแกน ได้ปรึกษาหารือกับ คิป ธอร์น (Kip Thorne) นักฟิสิกส์ทฤษฎีรางวัลโนเบล ผู้เชี่ยวชาญด้านสัมพัทธภาพและหลุมดำ เพื่อทำให้แนวคิดเรื่องรูหนอนมีความเป็นไปได้ทางวิทยาศาสตร์ (Plausible) มากที่สุด งานของธอร์นเป็นรากฐานของแนวคิดนี้ โดยระบุว่าการจะทำให้รูหนอนสามารถเปิดอยู่ได้นานพอให้วัตถุขนาดใหญ่อย่างแคปซูลเดินทางผ่านไปได้นั้น จำเป็นต้องมี “สสารแปลกประหลาด (Exotic Matter)”

สสารแปลกประหลาดนี้เป็นสสารที่ต้องมีความหนาแน่นพลังงานติดลบ (Negative Energy Density) ซึ่งเป็นคุณสมบัติทางฟิสิกส์ที่แตกต่างจากสสารทั่วไปที่เราคุ้นเคยอย่างสิ้นเชิง ปัจจุบันนี้ สสารที่มีคุณสมบัติดังกล่าวไม่เคยถูกตรวจพบหรือสังเกตการณ์จริง ยังคงเป็นเพียงสมการบนกระดานดำเป็นแนวคิดทางทฤษฎีที่น่าสนใจ แต่ยังไม่สามารถสร้างขึ้นได้จริงในโลกของเรา

เครื่องจักรในภาพยนตร์เรื่อง Contact เป็นผลงานนวนิยายที่ตั้งอยู่บนรากฐานของทฤษฎีทางฟิสิกส์ที่ดีเยี่ยม มันเป็นเครื่องเตือนใจว่าจินตนาการทางวิทยาศาสตร์สามารถผลักดันขอบเขตความรู้ และกระตุ้นให้เราตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการเดินทางในอวกาศได้เสมอ แม้ว่าการสร้างทางลัดข้ามจักรวาลจะยังคงต้องรอการค้นพบสสารที่เรายังไม่มีก็ตาม


ข้อมูลอ้างอิง: Wikipedia

  • Contact (1997 American film)