Skip to content
SPACEMAN มนุษย์อวกาศ

SPACEMAN มนุษย์อวกาศ

ข่าวอวกาศ ความรู้ดาราศาสตร์และเทคโนโลยีอวกาศ

Primary Menu
  • หน้าแรก
  • ข่าวอวกาศ
  • ระบบสุริยะ
    • ระบบสุริยะของเรา
    • ดวงอาทิตย์
    • ดวงจันทร์
    • ดาวพุธ
    • ดาวศุกร์
    • โลก
    • ดาวอังคาร
    • ดาวพฤหัสบดี
    • ดาวเสาร์
    • ดาวยูเรนัส
    • ดาวเนปจูน
    • ดาวเคราะห์แคระ
  • นักบินอวกาศและนักดาราศาสตร์
    • นักบินอวกาศ
    • นักดาราศาสตร์
    • ตำนานวงการอวกาศ
    • คนไทยในวงการอวกาศ
  • สารานุกรมดาราศาสตร์
    • ดาราศาสตร์
    • กล้องโทรทรรศน์อวกาศ
    • โครงการอะพอลโล
    • เทคโนโลยีอวกาศ
    • หน่วยงานอวกาศ
    • เทคโนโลยีจรวด
    • ความรู้รอบตัว
  • ติดต่อมนุษย์อวกาศ
YouTube: SPACEMAN
  • Home
  • ข่าวอวกาศ
  • ไขปริศนา 4 พันล้านปี! ขั้วใต้ดวงจันทร์อาจเกิดจากดาวเคราะห์น้อยยักษ์พุ่งชนผิดทิศทาง
  • ข่าวอวกาศ

ไขปริศนา 4 พันล้านปี! ขั้วใต้ดวงจันทร์อาจเกิดจากดาวเคราะห์น้อยยักษ์พุ่งชนผิดทิศทาง

มนุษย์อวกาศ 15 ตุลาคม 2025
Moon south pole NASA

ทีมนักวิทยาศาสตร์ค้นพบหลักฐานใหม่ที่อาจพลิกความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ยุคแรกเริ่มของดวงจันทร์ โดยชี้ว่าแอ่งกระแทกขนาดยักษ์ที่ขั้วใต้ไม่ได้เกิดจากการพุ่งชนจากทางใต้ตามที่เคยเชื่อกัน แต่แท้จริงแล้วเกิดจากดาวเคราะห์น้อยมหึมาที่พุ่งมาจากทิศเหนือเมื่อประมาณ 4,300 ล้านปีก่อน การค้นพบนี้ไม่เพียงแต่อธิบายลักษณะภูมิประเทศที่ไม่สมมาตรของดวงจันทร์ แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ไขปริศนาว่าทำไมแร่ธาตุสำคัญถึงกระจุกตัวอยู่แต่ในฝั่งที่เรามองเห็น และยังเป็นแผนที่นำทางให้ภารกิจโครงการอาร์ทิมิส (Artemis program) ของ NASA ไปสู่การค้นพบครั้งประวัติศาสตร์

เป็นเวลาหลายทศวรรษที่นักวิทยาศาสตร์ต่างสงสัยว่าเหตุใดดวงจันทร์ด้านใกล้ (Near side) ที่เรามองเห็นจากโลก จึงมีพื้นผิวที่ค่อนข้างเรียบ เต็มไปด้วยที่ราบภูเขาไฟสีเข้ม ที่ทำให้เราเห็นเป็นรูปกระต่าย ในขณะที่ดวงจันทร์ด้านไกล (Far side) กลับเต็มไปด้วยหลุมอุกกาบาตและมีเปลือกที่หนากว่าอย่างเห็นได้ชัด ล่าสุด งานวิจัยที่นำโดย เจฟฟรีย์ แอนดรูส์-ฮันนา นักวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์จากมหาวิทยาลัยแอริโซนา ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Nature ได้เสนอคำอธิบายที่น่าทึ่งซึ่งเชื่อมโยงกับเหตุการณ์การพุ่งชนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ดวงจันทร์

การพุ่งชนครั้งนั้นได้ก่อให้เกิดแอ่งเซาท์โพล-เอตเคน (South Pole-Aitken basin) ซึ่งเป็นหลุมอุกกาบาตที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดบนดวงจันทร์ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางกว่า 2,500 กิโลเมตร ทีมวิจัยได้วิเคราะห์รูปร่างของแอ่งที่มีลักษณะเป็นวงรีคล้ายหยดน้ำหรือผลอะโวคาโด และพบว่าแอ่งมีลักษณะแคบลงทางทิศใต้ ซึ่งเป็นรูปแบบที่สอดคล้องกับการพุ่งชนของดาวเคราะห์น้อยที่มาจากทิศเหนือแล้วพุ่งเฉียงลงมาทางใต้ ซึ่งสวนทางกับทฤษฎีเดิมที่คาดว่าเป็นการชนจากทิศใต้

การค้นพบนี้ชี้ว่า บริเวณขอบแอ่งทางตอนใต้ คือบริเวณที่เศษซากจากการชน ซึ่งเป็นวัตถุจากส่วนลึกภายในดวงจันทร์ ถูกสาดกระเซ็นออกมาทับถมกันหนาแน่นที่สุด เปรียบเสมือนขุมทรัพย์ทางธรณีวิทยาที่รอการขุดค้น

เพื่อทำความเข้าใจให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เราต้องย้อนกลับไปในยุคที่ดวงจันทร์ยังเป็นมหาสมุทรแมกมา (Magma Ocean) ที่หลอมเหลวทั้งดวง เมื่อดวงจันทร์ค่อยๆ เย็นตัวลง แร่ธาตุที่หนักกว่าจะจมลงไปเป็นแกนกลางและเนื้อดวงจันทร์ (Mantle) ส่วนแร่ธาตุที่เบากว่าจะลอยขึ้นมาเป็นเปลือก (Crust)

อย่างไรก็ตาม มีธาตุบางกลุ่มที่ไม่สามารถตกผลึกเข้ากับชั้นใดได้ และถูกบีบอัดให้ไปรวมกันอยู่ในแมกมาส่วนสุดท้ายที่ยังไม่แข็งตัว ธาตุเหล่านี้คือ KREEP ซึ่งเป็นตัวย่อของ โพแทสเซียม (K) ธาตุหายาก (Rare Earth Elements) และฟอสฟอรัส (P)

แอนดรูส์-ฮันนา เปรียบเทียบปรากฏการณ์นี้ว่า “เหมือนเวลาที่เราเผลอเอาน้ำอัดลมกระป๋องไปแช่ช่องฟรีซ เมื่อน้ำเริ่มแข็งตัว แต่น้ำเชื่อมฟรุกโตสที่มีความเข้มข้นสูงจะยังคงสภาพเป็นของเหลวและไปกระจุกตัวอยู่ในส่วนสุดท้ายที่แข็งตัวช้าที่สุด บนดวงจันทร์ก็เกิดเรื่องคล้ายกันกับ KREEP”

ทฤษฎีใหม่ชี้ว่า ขณะที่เปลือกดวงจันทร์ด้านไกลเริ่มหนาตัวขึ้น มันได้บีบมหาสมุทรแมกมาที่อุดมด้วย KREEP ให้ไหลไปกระจุกตัวอยู่ใต้เปลือกดวงจันทร์ด้านใกล้ที่บางกว่า

การพุ่งชนของดาวเคราะห์น้อย จากทิศเหนือที่สร้างแอ่งเซาท์โพล-เอตเคน จึงเปรียบเสมือนการเจาะหน้าต่างผ่านเปลือกดวงจันทร์ เผยให้เห็นชั้น KREEP ที่ซ่อนอยู่ข้างใต้ หลักฐานสำคัญคือการตรวจพบธาตุทอเรียมกัมมันตรังสี ในปริมาณสูงที่ขอบแอ่งด้านตะวันตก ซึ่งสอดคล้องกับแบบจำลองที่ว่า KREEP ถูกบีบไปอยู่ทางฝั่งนั้นพอดี

การศึกษานี้ไม่เพียงแต่ไขปริศนาความไม่สมมาตรของดวงจันทร์และที่มาของ KREEP แต่ยังชี้เป้าให้ภารกิจอาร์ทิมิสได้อย่างแม่นยำว่า บริเวณขั้วใต้ของดวงจันทร์ คือสถานที่ที่ดีที่สุดในการเก็บตัวอย่างหินจากชั้นเนื้อของดวงจันทร์ ซึ่งเป็นวัตถุโบราณอายุหลายพันล้านปีที่ไม่เคยถูกรบกวนมาก่อน

ตัวอย่างหินที่นักบินอวกาศจะนำกลับมายังโลก จะถูกส่งไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการที่ทันสมัยทั่วโลก และอาจเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายที่ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เขียนประวัติศาสตร์การกำเนิดและวิวัฒนาการของดวงจันทร์ขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์


ข้อมูลอ้างอิง: Science Daily

  • The Moon’s south pole hides a 4-billion-year-old secret

About the Author

มนุษย์อวกาศ

Administrator

Visit Website View All Posts
จำนวนเข้าชม: 13

Post navigation

Previous: นักดาราศาสตร์พบคำตอบ! “จานดาวเคราะห์บิดเบี้ยว” อาจเป็นตัวการทำให้ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะมีวงโคจรเอียง
Next: ศูนย์วิจัย NASA ปลดพนักงานกว่า 500 ชีวิต ท่ามกลางเสียงสะท้อน “JPL ที่เรารู้จักได้หายไปแล้ว”

เรื่องน่าอ่าน

NASA-JPL Lab
  • ข่าวอวกาศ

ศูนย์วิจัย NASA ปลดพนักงานกว่า 500 ชีวิต ท่ามกลางเสียงสะท้อน “JPL ที่เรารู้จักได้หายไปแล้ว”

มนุษย์อวกาศ 15 ตุลาคม 2025
fifteen protoplanetary disks
  • ข่าวอวกาศ

นักดาราศาสตร์พบคำตอบ! “จานดาวเคราะห์บิดเบี้ยว” อาจเป็นตัวการทำให้ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะมีวงโคจรเอียง

มนุษย์อวกาศ 13 ตุลาคม 2025
Mimas-Moon
  • ข่าวอวกาศ

นักวิทย์เผยหลักฐานใหม่จากดาวบริวารของดาวเสาร์ มีมหาสมุทรซ่อนอยู่ใต้ “ดวงจันทร์มิมัส” จริงหรือ?

มนุษย์อวกาศ 13 ตุลาคม 2025

FB: SPACEMAN มนุษย์อวกาศ

SpacemanFB

เรื่องยอดนิยม

  • nasa_technology9 เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน ที่มาจากการสำรวจอวกาศ (6,940)
  • Buzz-Aldrinบัซ อัลดริน (Buzz Aldrin) นักบินอวกาศนาซา (3,865)
  • CNSA-Moonจีนเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจอวกาศห้วงลึก หลังจากเก็บตัวอย่างด้านไกลของดวงจันทร์ (3,039)
  • Lunar-soil-Change5ดินดวงจันทร์จากยานฉางเอ๋อ 5 ในงาน อว. แฟร์ 22-28 ก.ค. 67 (3,001)
  • Poralis-DawnSpaceX กำหนดปล่อยภารกิจ Polaris Dawn จะมีการเดินอวกาศ (Spacewalk) โดยเอกชนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ (2,909)
Copyright © All rights reserved. | MoreNews by AF themes.