ข่าวอวกาศ สารานุกรม เทคโนโลยีอวกาศ

มหากาพย์ 108 นาที ยานวอสตอค 1 กับการเปิดโลกทัศน์อวกาศของมนุษยชาติ

วันที่ 12 เมษายน ค.ศ. 1961 ได้ถูกจารึกไว้ในฐานะวันประวัติศาสตร์ที่มนุษย์ชาติก้าวข้ามพรมแดนสู่ห้วงอวกาศ ยานวอสตอค 1 (Vostok 1) ภายใต้โครงการลับสุดยอดของสหภาพโซเวียต คือพาหนะที่นำพา ยูรี อเล็กเซเยวิช กาการิน (Yuri Alekseyevich Gagarin) นักบินอวกาศวัย 27 ปี ให้กลายเป็นมนุษย์คนแรกที่เดินทางสู่วงโคจรของโลก ความสำเร็จครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงชัยชนะทางวิทยาศาสตร์ แต่เป็นการแสดงแสนยานุภาพทางเทคโนโลยีที่สั่นสะเทือนวงการภูมิรัฐศาสตร์โลก และเปลี่ยนมุมมองของมนุษย์ที่มีต่อจักรวาลไปตลอดกาล

โครงการวอสตอคถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางการแข่งขันอวกาศอันดุเดือดระหว่างสองมหาอำนาจ จรวดนำส่งที่ใช้ในการส่งยานวอสตอค 1 ขึ้นสู่อวกาศนั้น มีพื้นฐานมาจากขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) R-7 Semyorka ซึ่งเป็นขีปนาวุธพิสัยไกลรุ่นแรกของโซเวียต ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้คืออัจฉริยะด้านการออกแบบยานอวกาศ เซอร์เกย์ โคโรเลฟ (Sergei Korolev) หรือ “หัวหน้านักออกแบบ” ผู้ที่ได้ปรับเปลี่ยนอาวุธร้ายแรงให้กลายเป็นยานสำรวจอวกาศ โดยการเพิ่มส่วนบนที่เรียกว่า บล็อก อี (Block E) เข้าไป เพื่อเพิ่มแรงขับให้เพียงพอต่อการส่งยานอวกาศที่มีน้ำหนักบรรทุก (Payload) ขึ้นสู่วงโคจร

ตัวยานวอสตอค 1 ถูกออกแบบให้เรียบง่ายและเน้นความทนทานเป็นหลัก เพื่อให้ผลิตได้รวดเร็วทันต่อการแข่งขัน ส่วนประกอบสำคัญมี 2 ส่วน

1. โมดูลลูกเรือ (Spherical Descent Module) เป็นทรงกลมเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2.3 เมตร หุ้มด้วยแผ่นกันความร้อนแอเบลทีฟ (Ablative Heat Shield) การใช้รูปทรงกลมนี้เป็นแนวคิดเชิงเทคนิคที่ฉลาด เพราะช่วยให้ยานสามารถปรับทิศทางกลับเข้าสู่บรรยากาศโลกได้ง่ายดายโดยไม่ต้องพึ่งพาระบบควบคุมที่ซับซ้อน แต่ก็แลกมาด้วยพื้นที่ภายในที่คับแคบและข้อจำกัดในการติดตั้งระบบลงจอดที่นุ่มนวล
2. โมดูลบริการ (Service Module) บรรจุจรวดเบรกเชื้อเพลิงแข็ง ระบบขับเคลื่อน ออกซิเจน และระบบไฟฟ้าที่จำเป็นสำหรับการโคจร ระบบสำคัญที่สุดคือ จรวดเบรกที่จะต้องจุดระเบิดอย่างแม่นยำเพื่อนำยานออกจากวงโคจร

ในเช้าวันประวัติศาสตร์นั้น กาการินได้ขึ้นประจำการภายในยานที่ฐานปล่อยจรวดไบโคนูร์ คอสโมโดรม (Baikonur Cosmodrome) ภารกิจนี้ถูกตั้งโปรแกรมให้ดำเนินการโดยอัตโนมัติเกือบ 100% เพื่อลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาดของมนุษย์ เนื่องจากทีมแพทย์ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสภาวะไร้น้ำหนักต่อการทำงานของสมองและจิตใจ

อย่างไรก็ตาม กาการินได้รับมอบรหัสลับฉุกเฉิน เพื่อใช้ปลดล็อกระบบควบคุมด้วยมือ (Manual Control) หากเกิดเหตุฉุกเฉินร้ายแรง กาการินได้ปฏิบัติหน้าที่รายงานสภาพแวดล้อมและสภาพร่างกายของตนเองกลับมายังศูนย์ควบคุมอย่างต่อเนื่อง เขาได้เห็นภาพโลกจากมุมมองที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน และรายงานด้วยความตื่นเต้นว่า “โลกสีครามงดงามเหลือเกิน”

ช่วงที่อันตรายที่สุดของภารกิจคือการกลับสู่โลก ซึ่งต้องเผชิญกับอุณหภูมิที่สูงกว่า 2,000 องศาเซลเซียส

1. การจุดระเบิดจรวดเบรก เมื่อโคจรครบรอบ จรวดเบรกจะถูกจุดระเบิดเพื่อชะลอความเร็วและนำยานออกจากวงโคจร

2. การแยกส่วนยานที่เกือบผิดพลาดในขั้นตอนนี้ เกือบจะเกิดภัยพิบัติขึ้น เมื่อสายเคเบิลควบคุมบางส่วนระหว่างโมดูลลูกเรือและโมดูลบริการไม่ยอมตัดขาด ทำให้ยานลงจอดหมุนคว้างอย่างรุนแรงเมื่อเริ่มเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ โชคดีที่ความร้อนจากการเสียดสีที่รุนแรงได้เผาทำลายสายเคเบิลเหล่านั้นในที่สุด ทำให้โมดูลลูกเรือแยกตัวและจัดตำแหน่งสำหรับการลงจอดได้อย่างถูกต้อง

3. การดีดตัว (Ejection) เพื่อความปลอดภัย เมื่อยานลดระดับลงมาถึงความสูงประมาณ 7 กิโลเมตรเหนือพื้นดินยูรี กาการินได้ดีดตัวออกจากยานด้วยเก้าอี้ดีดตัว (Ejection Seat) และร่อนลงสู่พื้นโลกอย่างปลอดภัยด้วยร่มชูชีพใกล้กับแม่น้ำวอลกา ส่วนโมดูลลงจอดทรงกลมก็ลงจอดด้วยร่มชูชีพในพื้นที่ใกล้เคียง การดีดตัวนี้เป็นสิ่งที่ถูกปกปิดไว้ในช่วงแรก เนื่องจากกฎการบันทึกสถิติในขณะนั้นกำหนดให้ผู้เดินทางต้องลงจอดพร้อมยานอวกาศเพื่อถือเป็นสถิติอย่างเป็นทางการ

ความสำเร็จของยานวอสตอค 1 ไม่เพียงแต่สร้างวีรบุรุษแห่งโลก และเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อที่ทรงพลังของสหภาพโซเวียตเท่านั้น แต่ยังเป็นการให้ข้อมูลเชิงประจักษ์ครั้งแรกที่สำคัญยิ่งยวดว่ามนุษย์สามารถอยู่รอดในสภาพแวดล้อมอวกาศได้จริง

การเดินทางเพียง 108 นาทีนี้ ได้ปลุกกระแสความตื่นตัวในซีกโลกตะวันตก ผลักดันให้ประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี ของสหรัฐอเมริกา ต้องประกาศเป้าหมายที่ทะเยอทะยานยิ่งกว่า คือ การส่งมนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์ ภายในสิ้นทศวรรษ 1960 ซึ่งนำไปสู่การก่อตั้งโครงการเมอร์คิวรี (Project Mercury) และโครงการอะพอลโล (Apollo) ในที่สุด ดังนั้น ยานวอสตอค 1 จึงไม่ได้เป็นเพียงยานลำแรกที่ส่งมนุษย์ไปอวกาศ แต่ยังเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ที่ผลักดันให้เกิดการพัฒนาทางอวกาศอย่างก้าวกระโดดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติมาจนถึงปัจจุบัน


ข้อมูลอ้างอิง: Wikipedia

  • Vostok 1