
ภาพถ่ายนี้บันทึกช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ของการสำรวจอวกาศ เมื่อนักบินอวกาศ สตีเฟน โรบินสัน (Stephen Robinson) ปฏิบัติภารกิจที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน นั่นคือการซ่อมแซมแผ่นกระเบื้องทนความร้อนของ กระสวยอวกาศ ขณะอยู่ในวงโคจร เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม ค.ศ. 2005 ในภารกิจ STS-114 ของกระสวยอวกาศดิสคัฟเวอรี (Discovery) และได้กลายเป็นบทเรียนสำคัญที่ส่งผลต่อความปลอดภัยของภารกิจอวกาศมาจนถึงปัจจุบัน
ภารกิจ STS-114 ไม่ใช่ภารกิจอวกาศทั่วไป แต่เป็นภารกิจครั้งแรกในรอบกว่าสองปีครึ่ง หลังจากโศกนาฏกรรมของกระสวยอวกาศโคลัมเบีย (Columbia) ในภารกิจ STS-107 เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003 ซึ่งเกิดจากชิ้นส่วนโฟมจากถังเชื้อเพลิงภายนอกกระเด็นไปกระแทกแผ่นกระเบื้องทนความร้อนบริเวณปีกซ้ายขณะส่งยาน ทำให้เกิดรูโหว่และยานได้แตกกระจายระหว่างเดินทางกลับสู่ชั้นบรรยากาศโลก
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น องค์การนาซา (NASA) ได้หยุดโครงการกระสวยอวกาศชั่วคราวเพื่อทบทวนและพัฒนาระบบความปลอดภัยครั้งใหญ่ หนึ่งในมาตรการใหม่ที่สำคัญที่สุดคือการตรวจสอบตัวยานอย่างละเอียดเมื่อเข้าสู่วงโคจรแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าแผ่นกระเบื้องทนความร้อนซึ่งเป็นเกราะป้องกันยานจากอุณหภูมิสูงกว่า 1,650 องศาเซลเซียสขณะกลับโลกนั้น ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ
ระหว่างการตรวจสอบกระสวยอวกาศดิสคัฟเวอรีในภารกิจ STS-114 เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินได้สังเกตเห็นความผิดปกติผ่านภาพถ่ายความละเอียดสูงที่ส่งมาจากสถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station – ISS) พวกเขาพบว่ามีวัสดุอุดรอยต่อ (Gap Filler) สองชิ้นยื่นออกมาจากระหว่างแผ่นกระเบื้องทนความร้อนบริเวณใต้ท้องยาน
วัสดุอุดรอยต่อนี้เป็นแถบเซรามิกเคลือบที่มีความยืดหยุ่น ทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้ความร้อนสูงเล็ดลอดเข้าไปในโครงสร้างของยาน แม้ว่าการที่มันยื่นออกมาเล็กน้อยจะไม่เป็นอันตรายเท่ารูโหว่ที่เกิดกับยานโคลัมเบีย แต่วิศวกรกังวลว่ามันอาจรบกวนการไหลของอากาศที่ความเร็วเหนือเสียงระหว่างการเดินทางกลับโลก ก่อให้เกิดความร้อนสะสมที่จุดนั้นสูงเกินกว่าที่ออกแบบไว้และอาจสร้างความเสียหายต่อแผ่นกระเบื้องข้างเคียงได้
หลังจากการวิเคราะห์และหารือกันอย่างเคร่งเครียดเป็นเวลาหลายวัน ในที่สุดนาซาก็ตัดสินใจอนุมัติให้มีการ ปฏิบัติภารกิจนอกยานอวกาศ (Extravehicular Activity – EVA) หรือการเดินอวกาศ (Spacewalk) เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งนับเป็นการซ่อมแซมภายนอกตัวยานกระสวยอวกาศกลางวงโคจรเป็นครั้งแรก
ในวันที่ 3 สิงหาคม ค.ศ. 2005 สตีเฟน โรบินสัน ได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญนี้ เขาไม่ได้เดินไปบนตัวยานโดยตรง แต่ได้ยืนอยู่บนปลายแขนกลแคนาดาร์มทู (Canadarm2) ของสถานีอวกาศนานาชาติ ซึ่งควบคุมโดยนักบินอวกาศ เจมส์ เคลลี (James Kelly) และ เวนดี ลอว์เรนซ์ (Wendy Lawrence) จากภายในยาน แขนกลได้เคลื่อนที่อย่างนุ่มนวลและแม่นยำเพื่อนำพาร่างของโรบินสันไปยังใต้ท้องของกระสวยอวกาศดิสคัฟเวอรี
ภารกิจนี้เต็มไปด้วยความละเอียดอ่อน เนื่องจากแผ่นกระเบื้องทนความร้อนนั้นเปราะบางอย่างยิ่ง การใช้เครื่องมืออาจทำให้เกิดความเสียหายได้ง่าย ด้วยเหตุนี้ ศูนย์ควบคุมภารกิจจึงแนะนำให้โรบินสันใช้นิ้วมือที่สวมถุงมืออยู่ค่อยๆ ดึงวัสดุอุดรอยต่อที่ยื่นออกมาอย่างช้าๆ ซึ่งเขาก็สามารถทำได้สำเร็จอย่างราบรื่น
การตัดสินใจและการปฏิบัติการที่ประสบความสำเร็จในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ทำให้ลูกเรือทั้ง 7 คนของภารกิจ STS-114 เดินทางกลับสู่โลกได้อย่างปลอดภัย แต่ยังเป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่ามนุษย์มีความสามารถในการตรวจสอบและซ่อมแซมยานอวกาศที่ซับซ้อนในสภาวะไร้น้ำหนักได้ ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มความปลอดภัยให้แก่นักบินอวกาศในภารกิจต่อๆ ไป
ข้อมูลอ้างอิง: NASA
- STS-114: The Spacewalk that Changed Everything”
- “20 Years Ago: STS-114, The First In-Flight Shuttle Repair”