• เกี่ยวกับเวิร์ดเพรส
    • WordPress.org
    • เอกสารประกอบ
    • Learn WordPress
    • สนับสนุน
    • ผลตอบรับ
  • Log In
Skip to content
SPACEMAN มนุษย์อวกาศ

SPACEMAN มนุษย์อวกาศ

ข่าวอวกาศ ความรู้ดาราศาสตร์ และเทคโนโลยีอวกาศ

Primary Menu
  • หน้าแรก
  • ข่าวอวกาศ
  • ระบบสุริยะ
    • ระบบสุริยะของเรา
    • ดวงอาทิตย์
    • ดวงจันทร์
    • ดาวพุธ
    • ดาวศุกร์
    • โลก
    • ดาวอังคาร
    • ดาวพฤหัสบดี
    • ดาวเสาร์
    • ดาวยูเรนัส
    • ดาวเนปจูน
    • ดาวเคราะห์แคระ
  • นักบินอวกาศและนักดาราศาสตร์
    • นักบินอวกาศ
    • นักดาราศาสตร์
    • ตำนานวงการอวกาศ
    • คนไทยในวงการอวกาศ
  • สารานุกรมดาราศาสตร์
    • ดาราศาสตร์
    • โครงการอะพอลโล
    • เทคโนโลยีอวกาศ
    • หน่วยงานอวกาศ
    • เทคโนโลยีจรวด
    • ความรู้รอบตัว
  • ติดต่อมนุษย์อวกาศ
เพจ SPACEMAN
  • Home
  • ข่าวอวกาศ
  • ไขปริศนาดาวแคระขาวที่ดูธรรมดา ซ่อนอดีตจากการชนกันของดาวฤกษ์
  • ข่าวอวกาศ

ไขปริศนาดาวแคระขาวที่ดูธรรมดา ซ่อนอดีตจากการชนกันของดาวฤกษ์

มนุษย์อวกาศ 10 สิงหาคม 2025
WD 0525+526

ดาวแคระขาว (white dwarf) ดวงหนึ่งซึ่งดูภายนอกไม่ต่างจากดาวทั่วไป ได้เปิดเผยความลับสุดพิเศษแก่นักดาราศาสตร์ มันคือผลลัพธ์ที่หลงเหลือจากการชนและรวมตัวกันของดาวฤกษ์ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่พบได้ยาก

ทีมนักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยวอร์ริก (University of Warwick) ได้ใช้กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble Space Telescope) ตรวจจับร่องรอยของธาตุคาร์บอนที่ลอยขึ้นมาจากแก่นกลางของดาวแคระขาวดวงนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้สำคัญว่าดาวดวงนี้ถือกำเนิดจากการรวมตัวของดาวฤกษ์สองดวง การค้นพบนี้ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Astronomy

“ดาวแคระขาว” คือซากดาวขนาดเล็กและมีความหนาแน่นสูงที่หลงเหลืออยู่หลังจากดาวฤกษ์เผาผลาญเชื้อเพลิงจนหมดสิ้น โดยทั่วไป ดาวแคระขาวจะมีขนาดประมาณโลก แต่มีมวลราวครึ่งหนึ่งของดวงอาทิตย์ ประกอบด้วยแก่นคาร์บอน-ออกซิเจนที่ห่อหุ้มด้วยชั้นฮีเลียมและไฮโดรเจน

ดาวแคระขาวที่นักดาราศาสตร์ศึกษาในครั้งนี้มีชื่อว่า WD 0525+526 อยู่ห่างจากโลกเพียง 130 ปีแสง มันมีมวลมากกว่าดวงอาทิตย์ประมาณ 20% ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มดาวแคระขาวมวลยิ่งยวด (ultra-massive) ปริศนาสำคัญคือนักดาราศาสตร์ไม่แน่ใจว่าดาวแคระขาวที่มีมวลมหาศาลเช่นนี้ก่อตัวขึ้นมาได้อย่างไร

แม้ดาวแคระขาวมวลสูงอาจเกิดจากการยุบตัวของดาวฤกษ์มวลมากเพียงดวงเดียวได้ แต่ข้อมูลในย่านแสงอัลตราไวโอเลต (ultraviolet) จากกล้องฮับเบิลได้บอกเล่าเรื่องราวที่แตกต่างออกไป

ดร. สเนหาลตา สาหู (Dr. Snehalata Sahu) นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอร์ริกและผู้เขียนหลักของงานวิจัยกล่าวว่า “เมื่อมองในย่านแสงที่ตามองเห็น WD 0525+526 ดูเหมือนดาวแคระขาวมวลสูงธรรมดาทั่วไป แต่ด้วยการสังเกตการณ์ในย่านแสงอัลตราไวโอเลตจากกล้องฮับเบิล เราสามารถตรวจจับร่องรอยของคาร์บอนจางๆ ซึ่งกล้องโทรทรรศน์ภาคพื้นดินมองไม่เห็นได้”

โดยปกติแล้ว ธาตุหนักอย่างคาร์บอนจะถูกบดบังอยู่ใต้ชั้นบรรยากาศไฮโดรเจนและฮีเลียมที่หนาทึบ แต่กระบวนการชนและรวมตัวกันอย่างรุนแรงของดาวสองดวงได้พัดพาชั้นนอกเหล่านี้ให้หลุดออกไปเกือบทั้งหมด เหลือเพียงชั้นบางๆ ห่อหุ้มอยู่ เปลือกที่บางลงนี้เองที่ไม่สามารถปิดกั้นคาร์บอนจากแก่นกลางไม่ให้ลอยขึ้นสู่พื้นผิวได้อีกต่อไป

สิ่งที่ทำให้ดาวดวงนี้พิเศษยิ่งขึ้นไปอีกคือ มันมีปริมาณคาร์บอนบนพื้นผิวน้อยกว่าซากดาวจากการรวมตัวที่เคยพบถึง 100,000 เท่า และมีอุณหภูมิสูงกว่าดวงอาทิตย์เกือบสี่เท่า ข้อมูลนี้ชี้ว่า WD 0525+526 อยู่ในระยะแรกเริ่มของวิวัฒนาการหลังการรวมตัว ซึ่งแตกต่างจากซากดาวดวงอื่นๆ ที่เคยค้นพบ

อองตวน เบดาร์ด (Antoine Bédard) นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอร์ริกและผู้ร่วมเขียนหลัก อธิบายว่า “เราพบว่าชั้นไฮโดรเจนและฮีเลียมบางกว่าดาวแคระขาวทั่วไปถึงหนึ่งหมื่นล้านเท่า เราคิดว่าชั้นเหล่านี้ถูกฉีกออกไปในระหว่างการรวมตัว และนั่นคือสิ่งที่ทำให้คาร์บอนปรากฏบนพื้นผิวได้ในตอนนี้”

ทีมวิจัยยังได้ระบุกระบวนการผสมสสารรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “การกึ่งพาความร้อน” (semi-convection) ซึ่งถูกค้นพบในดาวแคระขาวเป็นครั้งแรก กระบวนการนี้ทำให้คาร์บอนปริมาณเล็กน้อยสามารถลอยขึ้นสู่บรรยากาศไฮโดรเจนได้อย่างช้าๆ แม้ในดาวที่ร้อนจัดเช่นนี้

การค้นพบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจชะตากรรมของระบบดาวคู่ (binary star system) ได้ดีขึ้น ซึ่งมีความสำคัญต่อปรากฏการณ์อย่างการระเบิดของซูเปอร์โนวา (supernova) แต่ยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำคัญของกล้องโทรทรรศน์อวกาศที่สามารถสังเกตการณ์ในย่านแสงอัลตราไวโอเลตได้ และกระตุ้นให้เกิดการวางแผนสำหรับกล้องโทรทรรศน์อวกาศรุ่นต่อไปในอนาคต


ข้อมูลอ้างอิง: Sahu, S., Bédard, A., Gänsicke, B.T. et al.

  • A hot white dwarf merger remnant revealed by an ultraviolet detection of carbon. Nature Astronomy (2025)
จำนวนเข้าชม: 61

Continue Reading

Previous: นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ชี้ ยานอวกาศจิ๋วขับเคลื่อนด้วยเลเซอร์ อาจไปถึงหลุมดำใกล้เคียงได้ในชั่วอายุคน
Next: นาซาเร่งตั้งเป้าภายในปี ค.ศ. 2030 สร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์บนดวงจันทร์

เรื่องน่าอ่าน

Inside Lava Planets
  • ข่าวอวกาศ

กล้องฮับเบิลค้นพบซากดาวที่หายาก เกิดจากการรวมตัวของดาวแคระขาว

มนุษย์อวกาศ 14 สิงหาคม 2025
Samaporn Tinyanont 2025
  • ข่าวอวกาศ

ดร. สมาพร ติญญนนท์ นักวิจัยดาราศาสตร์ คว้ารางวัลนักวิทย์รุ่นใหม่ ประจำปี พ.ศ. 2568

มนุษย์อวกาศ 13 สิงหาคม 2025
Planet Around Closest Solar Twin
  • ข่าวอวกาศ

กล้องเจมส์ เวบบ์ พบหลักฐานใหม่ของดาวเคราะห์ รอบดาวฤกษ์คู่แฝดดวงอาทิตย์ที่อยู่ใกล้ที่สุด

มนุษย์อวกาศ 13 สิงหาคม 2025

นิตยสารสาระวิทย์ (Free E-Book)

Sarawit-Banner

เรื่องยอดนิยม

  • nasa_technology9 เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน ที่มาจากการสำรวจอวกาศ (5,398)
  • Buzz-Aldrinบัซ อัลดริน (Buzz Aldrin) นักบินอวกาศนาซา (3,610)
  • CNSA-Moonจีนเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจอวกาศห้วงลึก หลังจากเก็บตัวอย่างด้านไกลของดวงจันทร์ (2,899)
  • Lunar-soil-Change5ดินดวงจันทร์จากยานฉางเอ๋อ 5 ในงาน อว. แฟร์ 22-28 ก.ค. 67 (2,867)
  • Poralis-DawnSpaceX กำหนดปล่อยภารกิจ Polaris Dawn จะมีการเดินอวกาศ (Spacewalk) โดยเอกชนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ (2,766)
Copyright © All rights reserved. | MoreNews by AF themes.