
NASA ได้เผยแพร่ภาพอันน่าทึ่งของไอโอ (Io) หนึ่งในดวงจันทร์ที่ปั่นป่วนที่สุดของดาวพฤหัสบดี ซึ่งถูกบันทึกโดยยานอวกาศจูโน (Juno Spacecraft) ระหว่างการบินผ่านใกล้เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2566 ภาพถ่ายที่มีรายละเอียดสูงนี้ให้มุมมองที่หาที่เปรียบไม่ได้ของพื้นผิวไอโอ เผยให้เห็นกิจกรรมภูเขาไฟที่รุนแรง และปรากฏการณ์อันน่าทึ่งที่เรียกว่า “จูปีเตอร์ไชน์” (Jupitershine) ซึ่งคือแสงอาทิตย์ที่สะท้อนจากพื้นผิวของดาวพฤหัสบดีกลับไปส่องสว่างด้านมืดของดวงจันทร์ไอโอนั่นเอง
ภาพถ่ายนี้บันทึกจากระยะสูงประมาณ 1,500 กิโลเมตรเหนือพื้นผิวไอโอ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงรายละเอียดที่ซับซ้อนที่สุดของภูมิประเทศภูเขาไฟบนดวงจันทร์ การบินผ่านครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของภารกิจเสริมของจูโน ซึ่งยังคงให้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์อันล้ำค่าอย่างต่อเนื่อง แม้จะสิ้นสุดภารกิจหลักในปี พ.ศ. 2564 ไปแล้ว ด้วยวงโคจรใหม่ ยานจูโนจึงสามารถสำรวจดวงจันทร์ของดาวพฤหัสบดีได้อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะไอโอที่ขึ้นชื่อว่าเป็นดวงจันทร์ที่มีกิจกรรมภูเขาไฟสูงมาก
ด้านมืดของไอโอสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ต้องขอบคุณจูปีเตอร์ไชน์ซึ่งเป็นแสงอาทิตย์ที่สะท้อนจากดาวพฤหัสบดี เอฟเฟกต์แสงที่เป็นเอกลักษณ์นี้ทำให้จูโนสามารถถ่ายภาพพื้นผิวไอโอได้อย่างชัดเจนภายใต้สภาพที่มืดมิด เน้นย้ำให้เห็นลักษณะทางภูเขาไฟที่หากไม่มีแสงสะท้อนนี้ก็จะถูกซ่อนอยู่ในเงามืด ความแตกต่างระหว่างบริเวณภูเขาไฟที่สว่างจ้ากับแสงเรืองรองจาง ๆ ที่ด้านซ้ายของดวงจันทร์ทำให้ภาพนี้แสดงถึงสภาพแวดล้อมที่วุ่นวายของไอโอได้อย่างน่าทึ่งและดึงดูดสายตา
“ไอโอ” มีชื่อเสียงในฐานะวัตถุที่มีภูเขาไฟคุกรุ่นที่สุดในระบบสุริยะ โดยมีภูเขาไฟหลายร้อยแห่ง บางแห่งพ่นน้ำพุลาวาขึ้นไปในอวกาศได้สูงถึง 500 กิโลเมตร ต่างจากภูเขาไฟบนโลกที่เกิดจากธรณีแปรสัณฐาน (Plate Tectonics) การปะทุของภูเขาไฟบนไอโอนั้นขับเคลื่อนโดย แรงน้ำขึ้น-น้ำลง (Tidal Forces) ที่มหาศาลจากความโน้มถ่วง (Gravity) ของดาวพฤหัสบดี รวมถึงปฏิกิริยาโน้มถ่วงระหว่างไอโอกับดวงจันทร์อื่น ๆ ของดาวพฤหัสบดี
การยืดและหดตัวจากแรงน้ำขึ้น-น้ำลงอย่างต่อเนื่องนี้ทำให้เกิดความร้อนมหาศาลภายในดวงจันทร์ ส่งผลให้พื้นผิวของไอโออยู่ในสภาวะของการเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยาแทบตลอดเวลา ในภาพล่าสุดนี้ นักวิจัยสามารถมองเห็นลักษณะทางภูเขาไฟที่โดดเด่นที่สุด ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกใหม่เกี่ยวกับวิธีการกระจายตัวของกิจกรรมภูเขาไฟทั่วพื้นผิวของดวงจันทร์ การสังเกตเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำความเข้าใจไม่เพียงแต่พฤติกรรมของภูเขาไฟบนวัตถุอื่น ๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงพลังงานพลวัตที่หล่อหลอมโลกที่มีเอกลักษณ์และคุกรุ่นแห่งนี้
การบินผ่านไอโอครั้งล่าสุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามอย่างต่อเนื่องของจูโน ในการสำรวจไม่เพียงแต่ดวงจันทร์เองเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปฏิสัมพันธ์ความโน้มถ่วงที่ซับซ้อนซึ่งควบคุมระบบดาวพฤหัสบดีทั้งหมดด้วย การตรวจสอบแรงที่เป็นเอกลักษณ์ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างดาวพฤหัสบดีและดวงจันทร์ของมัน จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ได้รับความเข้าใจที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางพลวัตของดาวเคราะห์ และอิทธิพลที่มีต่อการก่อตัวและวิวัฒนาการของเทหวัตถุอื่น ๆ
การสังเกตไอโอครั้งนี้นับเป็นความสำเร็จที่สำคัญในวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์ (Planetary Science) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพลังของภารกิจอวกาศขั้นสูง เช่น จูโน และผลกระทบที่ลึกซึ้งของการค้นพบเหล่านี้ต่อความเข้าใจของเราเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของดาวเคราะห์ที่รุนแรง ในขณะที่ภารกิจในอนาคต เช่น ยูโรปาคลิปเปอร์ (Europa Clipper) และจูซ (JUICE) ยังคงสำรวจดวงจันทร์อื่น ๆ ของดาวพฤหัสบดีต่อไป ข้อมูลที่รวบรวมได้จากภาพระยะใกล้ของไอโอนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการกำหนดบทต่อไปของการสำรวจระบบดาวพฤหัสบดี
—————-
ข้อมูลอ้างอิง: Daily Galaxy
– NASA’s Juno Spacecraft Unveils Hidden Volcanoes on Jupiter’s Explosive Moon