
องค์การอวกาศยุโรป (ESA) กำลังยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศครั้งสำคัญ ทั้งในเอเชียตะวันออกและระดับโลก โดยล่าสุดได้ลงนามในข้อตกลงสำคัญกับ KASA (Korea AeroSpace Administration) ของเกาหลีใต้ เพื่อขยายขอบเขตกิจกรรมในอวกาศ และยืนยันความร่วมมือกับ JAXA (Japan Aerospace Exploration Agency) ของญี่ปุ่นในภารกิจศึกษาดาวเคราะห์น้อย
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2025 ที่ผ่านมา ในงาน International Astronautical Congress (IAC) ครั้งที่ 76 ณ เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ESA และ KASA ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding – MoU) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านกิจการอวกาศ
ประเด็นสำคัญของข้อตกลงนี้ ได้แก่
1. การใช้สถานีภาคพื้นดินร่วมกัน
ทั้งสองหน่วยงานจะสามารถใช้เครือข่ายสถานีภาคพื้นดินของกันและกัน เพื่อสนับสนุนภารกิจด้านโทรมาตร การติดตาม และการควบคุม (Telemetry, Tracking and Command – TT&C) ซึ่งหมายถึงการส่งและรับข้อมูลจากยานอวกาศ
2. ขอบเขตความร่วมมือในอนาคต
ครอบคลุมหลายด้านที่น่าสนใจ เช่น วิทยาศาสตร์อวกาศ การสำรวจ การบินอวกาศที่มีมนุษย์ควบคุม โครงสร้างพื้นฐานในอวกาศและความตั้งใจที่จะทำงานร่วมกันด้าน Space Weather หรือปรากฏการณ์สภาพอวกาศ
ความร่วมมือนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเป้าหมายดวงจันทร์ของเกาหลีใต้ ที่มีแผนจะส่งยานลงจอดบนดวงจันทร์ด้วยจรวดที่พัฒนาขึ้นเองในประเทศ และมีวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่กว่าคือการตั้งฐานบนดวงจันทร์ให้ได้ภายในปี พ.ศ. 2588 (ค.ศ. 2045) โดยการสนับสนุนจากเครือข่ายสถานีภาคพื้นดินทั่วโลก Estrack ของ ESA จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับโครงการเหล่านี้ได้ เหมือนที่เคยสนับสนุนโครงการสำรวจดวงจันทร์ฉางเอ๋อ (Chang’e) ของจีนมาก่อน
หนึ่งวันก่อนหน้าการลงนามกับ KASA ผู้อำนวยการ ESA นาย Josef Aschbacher ได้กล่าวถึงความสำเร็จของความร่วมมือกับ JAXA โดยเน้นย้ำถึงข้อตกลงที่น่าตื่นเต้นในการส่งยานอวกาศร่วมกัน (Rideshare)
ยานอวกาศ Ramses ของ ESA และภารกิจ Destiny+ ของ JAXA จะถูกส่งขึ้นสู่อวกาศด้วยจรวด H3 ของญี่ปุ่น เพื่อศึกษาดาวเคราะห์น้อยอะโพฟิส (Apophis) ดาวเคราะห์น้อยที่เคยถูกขนานนามว่าเป็น “ดาวเคราะห์น้อยวันสิ้นโลก” ก่อนที่มันจะโคจรเฉียดโลกในปี พ.ศ. 2572 (ค.ศ. 2029)
แม้ว่าเป้าหมายหลักของภารกิจ Destiny+ คือการสำรวจดาวเคราะห์น้อย 3200 ฟีทอน (Phaethon) ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของฝนดาวตกเจมินิดส์ (Geminid meteor shower) แต่จากความล่าช้าในการปล่อยภารกิจ ทำให้เกิดโอกาสอันดีในการแวะเยี่ยมชมอะโพฟิสก่อน และเปิดทางให้ยาน Ramses ได้ร่วมเดินทางไปพร้อมกันด้วย
นาย Aschbacher ชื่นชมว่า Ramses ไม่ได้เป็นเพียงภารกิจทางวิทยาศาสตร์ที่น่าตื่นเต้นเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นหุ้นส่วนระหว่างญี่ปุ่นและ ESA และเป็นตัวอย่างที่ดีของความรวดเร็วในการพัฒนาและนำโครงการไปปฏิบัติจริง
ความร่วมมือเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงทิศทางใหม่ของ ESA ที่กำลังมองหาการขยายและสร้างความร่วมมือระดับโลกให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับงบประมาณของ NASA และอนาคตของโครงการความร่วมมือต่าง ๆ
ข้อมูลอ้างอิง: Space.com
- Europe teams with Japan on asteroid mission, beefs up space cooperation with South Korea