หลายคนอาจเคยตั้งคำถามว่า ในเมื่อดาวศุกร์ (Venus) คือดาวเคราะห์เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้โลกที่สุด ทำไมโครงการอะพอลโล (Apollo) จึงเลือกที่จะส่งมนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์เป็นแห่งแรก? คำถามนี้ตั้งอยู่บนความเข้าใจที่น่าสนใจ แต่ก็มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับระยะทางและความเป็นมิตรของเพื่อนบ้านในระบบสุริยะของเรา
แม้ว่าในบางช่วงเวลาของการโคจร ดาวศุกร์จะเป็นดาวเคราะห์ที่เข้ามาใกล้โลกมากที่สุด แต่คำว่า “ใกล้ที่สุด” ในทางดาราศาสตร์นั้นยังคงห่างไกลอย่างมหาศาล และที่สำคัญที่สุดคือ ดวงจันทร์อยู่ใกล้โลกมากกว่าเสมอ
- ดวงจันทร์ ในฐานะบริวารหนึ่งเดียวของโลก ดวงจันทร์โคจรรอบโลกของเราด้วยระยะทางเฉลี่ยประมาณ 384,400 กิโลเมตร ระยะทางนี้มีความสม่ำเสมอและคาดการณ์ได้ ทำให้การวางแผนภารกิจเดินทางไป-กลับใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน
- ดาวศุกร์ โคจรรอบดวงอาทิตย์เช่นเดียวกับโลก ระยะห่างระหว่างดาวทั้งสองจึงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ในช่วงที่ใกล้โลกที่สุด (Inferior Conjunction) ดาวศุกร์จะอยู่ห่างจากโลกประมาณ 42 ล้านกิโลเมตร และในช่วงที่ไกลที่สุดอาจห่างถึง 261 ล้านกิโลเมตร
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว จะเห็นได้ว่าแม้ในช่วงที่ใกล้ที่สุด ดาวศุกร์ก็ยังอยู่ไกลกว่าดวงจันทร์ถึง 100 เท่า การเดินทางไปดวงจันทร์จึงเปรียบเสมือนการเดินทางข้ามจังหวัด แต่การไปดาวศุกร์นั้นเทียบเท่ากับการเดินทางข้ามทวีปเลยทีเดียว
หากระยะทางเป็นเพียงอุปสรรคเดียว วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็อาจหาทางเอาชนะได้ในที่สุด แต่ความท้าทายที่แท้จริงของดาวศุกร์คือสภาพแวดล้อมบนพื้นผิวที่โหดร้ายเกินกว่าจินตนาการ จนได้รับสมญานามว่าเป็น “ดาวเคราะห์นรก”
- พื้นผิวดาวศุกร์มีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงถึง 465 องศาเซลเซียส ร้อนพอที่จะหลอมตะกั่วได้สบายๆ ซึ่งเป็นผลมาจากปรากฏการณ์เรือนกระจกขั้นรุนแรง (Runaway Greenhouse Effect) ที่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ความหนาแน่นสูงกักเก็บความร้อนเอาไว้
- ชั้นบรรยากาศของดาวศุกร์หนาแน่นกว่าโลกถึง 90 เท่า ความกดอากาศบนพื้นผิวจึงเทียบเท่ากับการดำดิ่งลงไปใต้ทะเลลึกเกือบ 1 กิโลเมตรบนโลก ซึ่งสามารถบดขยี้ยานอวกาศส่วนใหญ่ให้แหลกสลายได้ในพริบตา
- บรรยากาศของดาวศุกร์ประกอบด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 96% ส่วนก้อนเมฆที่ปกคลุมหนาทึบนั้นไม่ได้ประกอบขึ้นจากไอน้ำ แต่เป็นกรดซัลฟิวริกหรือกรดกำมะถันที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง
บทเรียนจากภารกิจเวเนรา (Venera)

สหภาพโซเวียตเคยเป็นผู้บุกเบิกการสำรวจดาวศุกร์อย่างจริงจังผ่านโครงการเวเนรา (Venera program) ระหว่างปี ค.ศ. 1966 ถึง 1983 พวกเขาส่งยานสำรวจไปถึง 13 ลำ โดยมี 10 ลำที่สามารถลงจอดบนพื้นผิวได้สำเร็จ แต่ความสำเร็จนั้นก็เป็นเพียงชั่วครู่

ยานที่ทนทานที่สุดสามารถปฏิบัติภารกิจบนพื้นผิวได้นานที่สุดเพียง 2 ชั่วโมง ก่อนจะถูกความร้อนและความกดอากาศมหาศาลทำลายจนสิ้นสภาพ ในขณะที่ยานบางลำอยู่รอดได้เพียง 23 นาที ภาพถ่ายพื้นผิวดาวศุกร์ที่เราได้รับกลับมา ล้วนเป็นผลงานจากความพยายามของยานเวเนราที่ต้องแลกมาด้วยการเสียสละตัวยาน
การตัดสินใจส่งมนุษย์ไปยังดวงจันทร์จึงเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลและเป็นไปได้จริงในทางปฏิบัติ ดวงจันทร์ไม่เพียงแต่อยู่ใกล้กว่ามาก แต่ยังมีสภาพแวดล้อมที่คาดเดาและรับมือได้ง่ายกว่ามาก แม้จะยังคงอันตรายก็ตาม การไปดวงจันทร์คือการทดสอบขีดความสามารถทางเทคโนโลยีของมนุษย์ เป็นบันไดก้าวแรกที่สำคัญยิ่ง ก่อนที่จะฝันถึงการเดินทางไปยังดาวเคราะห์ดวงอื่นที่ไกลและอันตรายกว่า
ดาวศุกร์ยังคงเป็นเป้าหมายการศึกษาที่น่าสนใจ แต่สำหรับภารกิจส่งมนุษย์ไปเหยียบดาวเคราะห์ดวงอื่นนั้น ดวงจันทร์คือจุดเริ่มต้นที่ถูกต้องและไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ข้อมูลอ้างอิง: NASA
- The Venera Program
- NASA Science – Earth’s Moon