
ยานอวกาศโซเวียต “คอสมอส 482” กำลังจะกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก 11 พฤษภาคมนี้
ยานอวกาศโซเวียต “คอสมอส 482” (Kosmos 482) ซึ่งถูกส่งขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2515 เพื่อเดินทางไปดาวศุกร์ กำลังจะกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก มันโคจรรอบโลกมาเป็นเวลา 53 ปีแล้ว หลังจากการปล่อยตัวขึ้นสู่วงโคจรชั่วคราวรอบโลกเป็นไปด้วยดี แต่เกิดปัญหาที่ตัวตั้งเวลา ทำให้เครื่องยนต์ดับก่อนกำหนด ยานจึงไม่สามารถออกจากวงโคจรของโลกได้ และคาดว่าจะกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศในช่วงวันที่ 8 ถึง 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 โดยมีวันที่ 11 พฤษภาคมเป็นวันที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด ตามการคาดการณ์ของ มาร์โค ลังโบรก (Marco Langbroek) ผู้เชี่ยวชาญด้านดาวเทียม
วันที่กลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศอาจเร็วกว่าหรือช้ากว่านี้ ขึ้นอยู่กับกิจกรรมของดวงอาทิตย์ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น? เพราะเมื่อดวงอาทิตย์มีกิจกรรมมากขึ้น ชั้นบรรยากาศส่วนบนของโลกจะร้อนขึ้นและขยายตัว ซึ่งจะส่งผลให้เกิดแรงต้านของบรรยากาศต่อวัตถุที่อยู่ในวงโคจรต่ำมากขึ้น ทำให้ความเร็วในการโคจรรอบโลกลดลง และเป็นเหตุให้การกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศเกิดขึ้นเร็วขึ้น
ราล์ฟ ฟานเดอร์เบิร์ก (Ralf Vandebergh) นักถ่ายภาพดาราศาสตร์ขั้นสูง ใช้กล้องที่ติดกับกล้องโทรทรรศน์ในการติดตามดาวเทียมที่โคจรอยู่ และภาพถ่ายบางส่วนของเขาแสดงให้เห็นสิ่งที่เขาคาดว่าอาจจะเป็นร่มชูชีพที่เปิดออกของยานลงจอดคอสมอส 482 แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญบางคนจะสงสัยอย่างมากว่าร่มชูชีพจะยังใช้งานได้หลังจากผ่านไปหลายปี
ในขณะเดียวกัน ผู้สังเกตการณ์คนอื่นๆ ก็กำลังบันทึกภาพยานอวกาศโซเวียตเก่าแก่ลำนี้ขณะที่ค่อยๆ ลดระดับความสูงลง
คอสมอส 482 จะกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศเหนือพื้นที่ใด?
เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะระบุว่าการกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศที่ไม่สามารถควบคุมได้นี้จะเกิดขึ้นเหนือพื้นที่ใด แต่จากวงโคจรปัจจุบันบ่งชี้ว่าจะเป็นที่ใดก็ได้ระหว่างละติจูด 52 องศาเหนือถึง 52 องศาใต้ อย่างไรก็ตาม โลกของเราส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยมหาสมุทร ซึ่งหมายความว่ามีความเป็นไปได้สูงที่การกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศจะเกิดขึ้นเหนือน้ำ
มีความเสี่ยงหรือไม่?
มีความเสี่ยงเล็กน้อยจากการกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของยานอวกาศ แม้ว่าโอกาสที่จะเกิดขึ้นเหนือพื้นดินหรือพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่นั้นมีน้อย แต่รายละเอียดที่ไม่สะดวกเกี่ยวกับคอสมอส 482 คือมันเป็นยานสำรวจที่คล้ายกับยานลงจอดของภารกิจเวเนรา (Venera mission landers) นั่นคือ มันถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ทนทานต่อแรงเร่ง แรงดันสูง และความร้อนจัดของดาวศุกร์ ดังนั้นส่วนใหญ่ของยานลงจอด แม้ว่าจะไม่สมบูรณ์ ก็อาจจะยังคงไปถึงพื้นผิวโลกได้
โมดูลลงจอดมีน้ำหนัก 1,091 ปอนด์ (495 กิโลกรัม) และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3.2 ฟุต (1 เมตร) และตามข้อมูลของ มาร์โค ลังโบรก ผู้เชี่ยวชาญด้านดาวเทียม ความเร็วในการชนอาจอยู่ที่ประมาณ 150 ไมล์ต่อชั่วโมง (242 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) หลังจากที่แรงต้านของบรรยากาศทำให้ความเร็วลดลง
สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก่อนกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศหรือไม่?
ขณะที่มันยังคงโคจรรอบโลก เราอาจจะสามารถเห็นคอสมอส 482 ได้ในช่วงพลบค่ำและรุ่งเช้าจากบางพื้นที่ เช่นเดียวกับดาวเทียมที่เคลื่อนที่ช้าๆ อื่นๆ ที่สามารถมองเห็นได้จากท้องฟ้าที่มืดสนิท มันอาจจะสว่างขึ้นเล็กน้อยเมื่อใกล้ถึงวันกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ เราสามารถป้อนตำแหน่งที่สังเกตการณ์ได้บนเว็บไซต์ Heavens-Above.com และเลือก “Satellite Database” จากนั้นเลือก “1972” ในช่องปีที่ปล่อย กด “Update” เลือกวัตถุสุดท้ายในรายการ (“Cosmos 482 Debris / 1972-023E”) แล้วเลือก “Passes” หากมีการโคจรผ่านที่สามารถมองเห็นได้ ให้เลือกเพื่อดูว่ามันจะปรากฏที่ส่วนใดของท้องฟ้าและเมื่อใด
ข้อมูลอ้างอิง: Earth & Sky
- Old Soviet spacecraft to fall to Earth around May 11
You may also like
เรื่องยอดนิยม
9 เทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน ที่มาจากการสำรวจอวกาศ (3,480)
บัซ อัลดริน (Buzz Aldrin) นักบินอวกาศนาซา (3,195)
จีนเตรียมพร้อมสำหรับภารกิจอวกาศห้วงลึก หลังจากเก็บตัวอย่างด้านไกลของดวงจันทร์ (2,767)
ดินดวงจันทร์จากยานฉางเอ๋อ 5 ในงาน อว. แฟร์ 22-28 ก.ค. 67 (2,723)
SpaceX กำหนดปล่อยภารกิจ Polaris Dawn จะมีการเดินอวกาศ (Spacewalk) โดยเอกชนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ (2,559)