
This image shows the Hyades star cluster, the nearest cluster to us. The Hyades cluster is very well studied due to its location, but previous searches for planets have produced only one. A new study led by Jay Farihi of the University of Cambridge, UK, has now found the atmospheres of two burnt-out stars in this cluster — known as white dwarfs — to be “polluted” by rocky debris circling the star. Seeing evidence of asteroids points to the possibility of Earth-sized planets in the same system, as asteroids are the building blocks of major planets. Planet-forming processes are inefficient, and spawn many times more small bodies than large bodies — but once rocky embryos the size of asteroids are built, planets are sure to follow.
เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดสนิท และดวงดาวน้อยใหญ่เริ่มทยอยกันปรากฏ หากเรากวาดสายตาไปยังกลุ่มดาววัว เราจะพบกับกลุ่มดาวที่เรียงร้อยเป็นรูปตัว “V” อันโดดเด่น นั่นคือ กระจุกดาวไฮเดส (Hyades) เพื่อนบ้านทางดาราศาสตร์ที่อยู่ไม่ไกลจากโลกของเรานัก
กระจุกดาวไฮเดสไม่ได้โดดเด่นเพียงแค่รูปร่างที่สังเกตง่ายเท่านั้น แต่ยังเป็นเหมือนห้องเรียนธรรมชาติสำหรับนักดาราศาสตร์ในการศึกษาเรื่องราวของดาวฤกษ์ กระจุกดาวเปิดแห่งนี้ประกอบไปด้วยดาวฤกษ์หลายร้อยดวงที่ถือกำเนิดมาพร้อมกัน และเดินทางผ่านห้วงอวกาศด้วยกัน ดาวฤกษ์สว่างในกระจุกดาวไฮเดสเรียงตัวกันเป็นรูปทรงคล้ายศีรษะของวัวตามจินตนาการของกลุ่มดาววัว โดยมีดาวสว่างสีส้มแดงอย่าง แอลดีบารัน (Aldebaran) ปรากฏอยู่ใกล้เคียง แต่แท้จริงแล้ว แอลดีบารันเป็นเพียงดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้โลกของเรามากกว่า และไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวไฮเดส
ด้วยระยะทางประมาณ 153 ปีแสง ทำให้กระจุกดาวไฮเดสเป็นกระจุกดาวเปิดที่อยู่ใกล้ระบบสุริยะของเรามากที่สุดแห่งหนึ่ง การศึกษาดาวฤกษ์ในกระจุกดาวนี้จึงเป็นเหมือนการมองย้อนกลับไปในอดีต เพื่อทำความเข้าใจถึงวัฏจักรชีวิตของดาวฤกษ์ ตั้งแต่เกิด แก่ และตาย ดาวฤกษ์ที่สว่างที่สุดในกระจุกดาวไฮเดสหลายดวงได้เข้าสู่ช่วงท้ายของชีวิต กลายเป็นดาวยักษ์แดงที่มีขนาดใหญ่โตและมีสีส้มแดงอันเป็นเอกลักษณ์
ในโลกแห่งตำนานและความเชื่อ กระจุกดาวไฮเดสก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ชาวกรีกโบราณเชื่อว่าพวกเธอคือธิดาห้าองค์ของแอตลาสและอีธรา ซึ่งเป็นพี่น้องต่างมารดากับกลุ่มดาวลูกไก่ ไฮเดสโศกเศร้ากับการเสียชีวิตของพี่ชายจนกลายเป็นกลุ่มดาวบนท้องฟ้า และการปรากฏและลับหายไปของพวกเธอยังถูกเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลอีกด้วย
การเงยหน้ามองหาและชื่นชมกระจุกดาวไฮเดสในคืนที่ฟ้าใส จึงเป็นการเชื่อมโยงตัวเราเข้ากับทั้งความงามของจักรวาลและความร่ำรวยของเรื่องราวทางวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นนักดาราศาสตร์ผู้ศึกษาข้อมูลเชิงลึก หรือเพียงผู้สนใจในความงามของท้องฟ้า กระจุกดาวไฮเดสก็พร้อมที่จะเผยความงดงามและเรื่องราวที่น่าค้นหาให้เราได้สัมผัสครับ
แหล่งข้อมูลอ้างอิง:
- NASA
- ESA (European Space Agency)
- Sky & Telescope
- EarthSky