
ในปี ค.ศ. 1609 (พ.ศ. 2152) กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei) นักดาราศาสตร์และนักฟิสิกส์ชาวอิตาลี ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นบุคคลแรกที่ใช้กล้องโทรทรรศน์สังเกตการณ์ท้องฟ้าอย่างเป็นระบบ และหนึ่งในการสังเกตการณ์ที่สำคัญที่สุดของเขาคือการสำรวจดวงจันทร์ ซึ่งนำไปสู่การวาดภาพดวงจันทร์ครั้งแรกที่แสดงรายละเอียดพื้นผิวได้อย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน
ก่อนหน้ากาลิเลโอ ความเชื่อแพร่หลายในยุคนั้นคือดวงจันทร์เป็นทรงกลมที่สมบูรณ์แบบและเรียบเนียน ปราศจากตำหนิใดๆ ตามหลักปรัชญาของอริสโตเติล (Aristotle) ที่เชื่อว่าวัตถุบนท้องฟ้าทั้งหมดนั้นสมบูรณ์แบบ แต่เมื่อกาลิเลโอหันกล้องโทรทรรศน์ที่เขาพัฒนาขึ้นเองไปที่ดวงจันทร์ เขาก็ได้เห็นสิ่งที่ขัดแย้งกับความเชื่อเดิมอย่างสิ้นเชิง
กาลิเลโอได้สังเกตการณ์ดวงจันทร์เป็นเวลาหลายคืน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน ค.ศ. 1609 (พ.ศ. 2152) เขาพบว่าพื้นผิวของดวงจันทร์ไม่ได้เรียบเนียนอย่างที่คิด แต่กลับเต็มไปด้วยความขรุขระ มีทั้งภูเขา หุบเขา และหลุมอุกกาบาต (craters) มากมาย ลักษณะเหล่านี้คล้ายคลึงกับพื้นผิวของโลก ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงมุมมองของมนุษย์ที่มีต่อวัตถุบนท้องฟ้าอย่างมหาศาล
ภาพวาดที่กาลิเลโอได้บันทึกไว้จากการสังเกตการณ์นั้น แสดงให้เห็นถึงแสงและเงาบนพื้นผิวดวงจันทร์อย่างละเอียด ซึ่งช่วยให้เขาสามารถประเมินความสูงของภูเขาบางลูกบนดวงจันทร์ได้ด้วยทักษะทางศิลปะที่เขามี นอกจากภาพวาดแล้ว กาลิเลโอได้รวบรวมผลการสังเกตการณ์เหล่านี้ไว้ในหนังสือชื่อ “ซิดีรีอุสนุนซีอุส” (Sidereus Nuncius) หรือ “สารจากดวงดาว” (The Starry Messenger) ที่ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1610 (พ.ศ. 2153)
การค้นพบและภาพวาดของกาลิเลโอไม่เพียงแต่เป็นก้าวสำคัญในวงการดาราศาสตร์ แต่ยังเป็นการบุกเบิกสาขาวิชา “เซลีโนกราฟี” (Selenography) ซึ่งเป็นการศึกษาและทำแผนที่พื้นผิวของดวงจันทร์อย่างเป็นระบบ การเปิดเผยความไม่สมบูรณ์ของดวงจันทร์โดยกาลิเลโอ ได้ท้าทายแนวคิดทางปรัชญาและศาสนาในยุคนั้น และเป็นหนึ่งในหลักฐานสำคัญที่สนับสนุนแบบจำลองระบบสุริยะแบบดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง (Heliocentric Model) ของนิโคเลาส์ โคเปอร์นิคัส (Nicolaus Copernicus) ในเวลาต่อมา
ทุกวันนี้ ภาพวาดดวงจันทร์ของกาลิเลโอ กาลิเลอี ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นยุคใหม่แห่งการสำรวจอวกาศ และเป็นเครื่องเตือนใจว่าการสังเกตการณ์อย่างพิถีพิถันและการตั้งคำถามต่อความเชื่อเดิมๆ คือหัวใจสำคัญของการค้นพบทางวิทยาศาสตร์
ข้อมูลอ้างอิง: Wellcome Collection Museum
- Five diagrams of the surface of the moon, during its phases