
เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา เกิดเหตุวัตถุจากอวกาศพุ่งทะลุหลังคาบ้านหลังหนึ่งในเมืองแม็กโดโนห์ (McDonough) รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา สร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้อยู่อาศัยและชุมชนโดยรอบ ล่าสุด ผลการตรวจสอบโดยนักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า วัตถุดังกล่าวคืออุกกาบาต และอาจมีอายุมากกว่าโลกของเราเสียอีก
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงกลางวัน โดยมีผู้พบเห็นลูกไฟสว่างวาบพาดผ่านท้องฟ้า ตามมาด้วยเสียงดังสนั่นคล้ายเสียงระเบิด ซึ่งต่อมาองค์การนาซาได้ยืนยันว่าเป็นเสียงโซนิกบูม (sonic boom) ที่เกิดจากอุกกาบาตเดินทางผ่านชั้นบรรยากาศโลกด้วยความเร็วเหนือเสียง ก่อนที่ชิ้นส่วนของมันจะตกลงมาสร้างความเสียหายให้กับหลังคาบ้านหลังดังกล่าว
อุกกาบาตชิ้นที่ตกทะลุหลังคานี้มีขนาดประมาณมะเขือเทศเชอร์รี โดยชิ้นส่วนที่เก็บกู้ได้จากจุดตกกระทบในบ้านมีน้ำหนักรวมประมาณ 50 กรัม มันได้เจาะทะลุหลังคา, ท่ออากาศ, ฉนวนกันความร้อน และฝ้าเพดานลงมายังพื้นห้องนั่งเล่น ทิ้งร่องรอยกระแทกไว้บนพื้น
หลังเกิดเหตุ ทีมงานจากมหาวิทยาลัยจอร์เจีย (University of Georgia) นำโดย สกอตต์ แฮร์ริส (Scott Harris) นักธรณีวิทยาดาวเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านการตกกระทบ ได้เข้าตรวจสอบและรับตัวอย่างอุกกาบาตน้ำหนัก 23 กรัมไปวิเคราะห์โดยละเอียด
ผลการวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการโดยใช้กล้องจุลทรรศน์แบบใช้แสงและกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอน พบว่าอุกกาบาตชิ้นนี้เป็นชนิดคอนไดรต์สามัญ (ordinary chondrite) ประเภทโลหะต่ำ (L-type) ซึ่งเป็นอุกกาบาตหินชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด
สิ่งที่น่าสนใจคือการวิเคราะห์อายุด้วยวิธีไอโซโทป (isotopic dating) ซึ่งบ่งชี้ว่าอุกกาบาตนี้ก่อตัวขึ้นเมื่อประมาณ 4,560 ล้านปีก่อน นั่นหมายความว่ามันมีอายุมากกว่าโลกของเราซึ่งถือกำเนิดขึ้นเมื่อประมาณ 4,540 ล้านปีที่แล้ว หรือแก่กว่าโลกราว 20 ล้านปี อุกกาบาตชิ้นนี้จึงเปรียบเสมือน “แคปซูลกาลเวลา” ที่เก็บรักษาวัตถุดั้งเดิมจากยุคก่อกำเนิดระบบสุริยะเอาไว้
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าอุกกาบาตก้อนนี้เดินทางมาจากแถบดาวเคราะห์น้อยหลัก (main asteroid belt) ที่อยู่ระหว่างวงโคจรของดาวอังคารและดาวพฤหัสบดี และอาจเป็นชิ้นส่วนที่แตกออกมาจากการชนกันของดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่เมื่อประมาณ 470 ล้านปีก่อน ก่อนจะโคจรในอวกาศมานานนับล้านปีและตกลงสู่โลกในที่สุด
ทีมนักวิทยาศาสตร์ได้เสนอชื่ออุกกาบาตนี้อย่างเป็นทางการว่า “อุกกาบาตแม็กโดโนห์” (McDonough Meteorite) ตามชื่อเมืองที่มันตกลงมา เพื่อยื่นขอการรับรองจากคณะกรรมการการตั้งชื่อแห่งสมาคมอุกกาบาต (Nomenclature Committee of the Meteoritical Society)
นี่ถือเป็นการค้นพบอุกกาบาตครั้งที่ 27 ในประวัติศาสตร์ของรัฐจอร์เจีย และเป็นครั้งที่ 6 ที่มีผู้เห็นเหตุการณ์ขณะตก การที่มีเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น กล้องวงจรปิดและเครือข่ายสังคมออนไลน์ ทำให้การติดตามและเก็บกู้อุกกาบาตทำได้รวดเร็วและบ่อยครั้งขึ้นกว่าในอดีต
แม้ว่าอุกกาบาตขนาดเล็กชิ้นนี้จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรง แต่การศึกษากรณีเช่นนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการป้องกันดาวเคราะห์ (planetary defense) โดยช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจพฤติกรรมของวัตถุใกล้โลกและเตรียมพร้อมรับมือกับภัยคุกคามจากอวกาศที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ชิ้นส่วนของอุกกาบาตแม็กโดโนห์จะถูกนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์เทลลัส (Tellus Science Museum) ในเมืองคาร์เตอร์สวิลล์ (Cartersville) สหรัฐอเมริกาต่อไป
ข้อมูลอ้างอิง: Space. com
- Meteorite that punched a hole through Georgia roof may be older than Earth itself