
นักวิทยาศาสตร์ได้เผยภาพถ่ายล่าสุดของดวงอาทิตย์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ ซึ่งเป็นการรวมข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศถึง 3 ตัว ทำให้เรามองเห็นปรากฏการณ์พลังงานสูงที่ปกติแล้วไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ภาพนี้เผยให้เห็นบริเวณปะทุบนพื้นผิวของดวงอาทิตย์ที่เต็มไปด้วย รังสีเอกซ์ (X-rays) และรังสีอัลตราไวโอเลตแบบเข้ม (Extreme Ultraviolet) เผยให้เห็นถึง “จุดร้อน” ที่มีพลังงานสูงที่สุด ซึ่งเป็นที่อยู่ของปรากฏการณ์ประทุขนาดเล็กที่เรียกว่า ไมโครแฟลร์ (Microflares)
ภาพถ่ายชิ้นนี้สร้างขึ้นจากการนำข้อมูลภาพจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศ 3 ตัวมารวมกัน ซึ่งทั้งหมดถ่ายภาพในเวลาใกล้เคียงกันเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2015
🔵 สีน้ำเงิน มาจากข้อมูลรังสีเอกซ์พลังงานสูงจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศ NuSTAR (Nuclear Spectroscopic Telescope Array) ของ NASA ซึ่งเป็นส่วนที่เผยให้เห็นบริเวณที่มีพลังงานสูงที่สุดบนพื้นผิวดวงอาทิตย์
🟢 สีเขียว เป็นข้อมูลรังสีเอกซ์พลังงานต่ำจากยานอวกาศฮิโนเดะ (Hinode) ของประเทศญี่ปุ่น
🟡 🔴 สีเหลืองและสีแดง เป็นข้อมูลรังสีอัลตราไวโอเลตแบบเข้มจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศ SDO (Solar Dynamics Observatory) ของ NASA
NuSTAR ซึ่งปกติแล้วจะใช้ศึกษาแหล่งกำเนิดรังสีเอกซ์อันไกลโพ้นในเอกภพ เช่น ซูเปอร์โนวา (Supernovae) หรือหลุมดำ (Black holes) ได้หันมาศึกษาดวงอาทิตย์อย่างปลอดภัย และสามารถจับภาพรังสีเอกซ์พลังงานสูงได้อย่างละเอียดกว่าที่เคย เพื่อทำความเข้าใจกระบวนการปล่อยพลังงานในรูปแบบของไมโครแฟลร์และนาโนแฟลร์ (Nanoflares) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ยังเป็นสมมติฐาน และมีขนาดเล็กกว่ามาก
ทำไมการศึกษาแฟลร์ขนาดเล็กจึงสำคัญ?
บริเวณที่ปรากฏในภาพนี้เป็นจุดที่มีอุณหภูมิสูงถึงหลายล้านองศาเซลเซียส การปะทุของไมโครแฟลร์ ซึ่งเป็นแฟลร์ขนาดเล็กกว่าแฟลร์ปกติ จะปล่อยพลังงานและให้ความร้อนแก่วัสดุในบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการทำความเข้าใจกลไกของไมโครแฟลร์และนาโนแฟลร์ที่เล็กกว่ามาก จะช่วยให้เราเข้าใจกลไกความร้อนของชั้นโคโรนา (Corona) ซึ่งเป็นชั้นบรรยากาศนอกสุดของดวงอาทิตย์ได้ดียิ่งขึ้น
การค้นพบและศึกษาปรากฏการณ์เหล่านี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการทำความเข้าใจพลวัตของดวงอาทิตย์ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อสภาพอวกาศในระบบสุริยะของเรา และยังมีความสำคัญต่อการวางแผนภารกิจอวกาศในอนาคตอีกด้วย
ข้อมูลอ้างอิง: NASA/JPL
- Our Sun is giving off X-ray vibes.