ข่าวอวกาศ

ดาวหางระหว่างดวงดาว 3I/ATLAS เดินทางมาจากไหนกันแน่?

นักวิจัยจากสเปนและสวีเดนได้ใช้ข้อมูลจากภารกิจ Gaia ขององค์การอวกาศยุโรป (ESA) เพื่อติดตามย้อนรอยเส้นทางของดาวหางระหว่างดวงดาว 3I/ATLAS โดยเฉพาะการตรวจสอบว่าแรงโน้มถ่วงจากดาวฤกษ์ดวงอื่นเคยส่งผลกระทบต่อเส้นทางการเดินทางของมันหรือไม่ งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นว่า แม้ดาวหางจะเคยเฉียดใกล้ดาวฤกษ์หลายดวง แต่แรงกระทำเหล่านั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงวิถีโคจรของมันอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ประเด็นเรื่องที่มาของดาวหางดวงนี้ยังคงเป็นปริศนาที่น่าค้นหาต่อไป

ดาวหาง 3I/ATLAS ได้รับการค้นพบเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2025 โดย ระบบเฝ้าระวังดาวเคราะห์น้อย ATLAS (Asteroid Terrestrial-impact Last Alert System) นับเป็นวัตถุระหว่างดวงดาว (Interstellar Object) ดวงที่สามที่ถูกตรวจพบต่อจาก 1I/‘Oumuamua และ 2I/Borisov ขณะนี้ ดาวหางกำลังเดินทางเข้าสู่ระบบสุริยะชั้นในด้วยความเร็วประมาณ 220,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจะเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในช่วงปลายเดือนตุลาคม 2025

การศึกษาเกี่ยวกับวัตถุระหว่างดวงดาวมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากมันเปรียบเสมือนตัวอย่างที่ธรรมชาติส่งมาให้เราโดยตรง โดยเฉพาะดาวหาง 3I/ATLAS ที่มีคุณสมบัติที่น่าสนใจเมื่อมันเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ สสารระเหยง่าย (volatiles) ที่เป็นส่วนประกอบจะเกิดการระเหิดออกมา ซึ่งทำให้เกิดส่วนหัวดาวหาง (coma) และหางขึ้นมา การตรวจสอบองค์ประกอบของสสารที่ระเหิดออกมานี้จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์ได้เข้าใจถึงองค์ประกอบของวัตถุที่ก่อตัวขึ้นจากส่วนอื่น ๆ ของกาแล็กซีทางช้างเผือก

แต่ข้อมูลเหล่านี้ไม่สามารถบอกได้ว่าดาวหางดวงนี้เดินทางมาจากที่ใด การทำความเข้าใจการเคลื่อนที่ (kinematics) ของมันต่างหากคือกุญแจสำคัญ งานวิจัยที่นำโดย Xabier Pérez Couto จากมหาวิทยาลัยในสเปน ได้ใช้ข้อมูลจากภารกิจ Gaia ซึ่งเป็นกล้องโทรทรรศน์อวกาศที่ทำหน้าที่สำรวจตำแหน่งของดาวฤกษ์ต่าง ๆ ในกาแล็กซี เพื่อย้อนรอยวิถีโคจรของดาวหาง 3I/ATLAS ในช่วง 10 ล้านปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการค้นหาว่ามันเคยเคลื่อนที่เข้าใกล้ดาวฤกษ์ดวงใดบ้าง

นักวิจัยพบว่าดาวหาง 3I/ATLAS เคยเฉียดใกล้ดาวฤกษ์หลายดวงถึง 93 ครั้ง โดย 62 ครั้งเป็นเหตุการณ์ที่นักวิจัยมั่นใจว่าเกิดขึ้นจริง และที่น่าสนใจคือ ดาวฤกษ์ทั้งหมดที่ดาวหางเฉียดใกล้เป็นดาวฤกษ์ในแถบลำดับหลัก (main sequence stars) เหตุการณ์ที่เฉียดใกล้ที่สุดและมีแรงกระทำมากที่สุดเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 72,000 ปีก่อน โดยดาวฤกษ์ดวงนั้นมีชื่อว่า HD 187760 และอยู่ห่างจากเราประมาณ 84 ปีแสง ถึงแม้เหตุการณ์นี้จะส่งผลต่อความเร็วและวิถีโคจรของดาวหาง แต่มันก็เป็นเพียงแค่การเปลี่ยนแปลงที่น้อยมากจนแทบไม่มีนัยสำคัญ

ผลลัพธ์นี้ทำให้ทีมนักวิจัยสรุปได้ว่า ตลอดช่วง 4 ล้านปีที่ผ่านมา ดาวหาง 3I/ATLAS ไม่เคยเฉียดใกล้ดาวฤกษ์ดวงใดจนสามารถเปลี่ยนแปลงเส้นทางการเดินทางปัจจุบันของมันได้อย่างมีนัยสำคัญ งานวิจัยนี้ยังคงเป็นหลักฐานที่สำคัญว่าดาวหางดวงนี้มีต้นกำเนิดมาจากนอกระบบสุริยะอย่างแท้จริง

แม้ว่าเราจะยังไม่ทราบถึงที่มาที่แน่ชัดของดาวหาง 3I/ATLAS แต่งานวิจัยนี้ก็เปิดมุมมองใหม่ในการทำความเข้าใจการเคลื่อนที่ของวัตถุระหว่างดวงดาว ในอนาคต เมื่อกล้องโทรทรรศน์ Vera Rubin Observatory เริ่มปฏิบัติการอย่างเต็มรูปแบบ คาดว่าจะสามารถค้นพบวัตถุระหว่างดวงดาวได้เพิ่มขึ้นถึงปีละหนึ่งหรือสองดวง การศึกษาวัตถุเหล่านี้จะช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจได้ดีขึ้นว่าสสารต่าง ๆ ที่เป็นส่วนประกอบของดาวเคราะห์นั้นแพร่กระจายไปทั่วดาราจักรได้อย่างไร

ดาวหาง 3I/ATLAS กำลังเดินทางเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ในเดือนตุลาคมนี้ และการสังเกตการณ์จะยังคงดำเนินต่อไปโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (JWST) รวมถึงภารกิจสำรวจอวกาศต่าง ๆ เช่น JUICE และ Mars Express เพื่อไขปริศนาที่มาของมันให้กระจ่างขึ้น


ข้อมูลอ้างอิง: Universe Today

  • Where Did The Interstellar Comet 3I/ATLAS Come From?