
นักดาราศาสตร์ค้นพบเรื่องน่าตื่นเต้นเกี่ยวกับ “ดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะอิสระ” หรือที่เรียกกันว่า “ดาวพเนจร” (Rogue Planet) โดยพบว่ามีวัตถุขนาดมหึมาที่กำลังอยู่ในช่วงเร่งการเติบโตอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน การค้นพบนี้ไม่เพียงแต่ท้าทายความเข้าใจเดิม ๆ เกี่ยวกับการก่อตัวของดาวเคราะห์เท่านั้น แต่ยังทำให้ขอบเขตระหว่างดาวเคราะห์กับดาวฤกษ์เริ่มเลือนราง
ทีมงานดาราศาสตร์นานาชาติได้ใช้กล้องโทรทรรศน์ Very Large Telescope ของหอดูดาวซีกโลกใต้แห่งยุโรป (ESO) ในการสังเกตการณ์ดาวพเนจรดวงหนึ่งที่มีชื่อว่า Cha 1107-7626 ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 620 ปีแสงในกลุ่มดาว Chamaeleon ดาวพเนจรดวงนี้มีมวลประมาณ 5 ถึง 10 เท่าของดาวพฤหัสบดี และยังคงถูกห่อหุ้มด้วยจานรวมมวล (Accretion Disk) ซึ่งเป็นวงแหวนของแก๊สและฝุ่นที่หล่อเลี้ยงการเติบโตของมัน
สิ่งที่น่าตกใจคือในช่วงการสังเกตการณ์ ทีมงานพบว่ากระบวนการรวมมวลของ Cha 1107-7626 เกิดขึ้นในลักษณะที่ไม่สม่ำเสมอ โดยในเดือนสิงหาคม 2025 อัตราการเพิ่มมวลนั้น เร็วกว่าเดิมถึง 8 เท่า ด้วยความเร็วประมาณ 6,000 ล้านตันต่อวินาที ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกสำหรับวัตถุที่มีมวลระดับดาวเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นดาวพเนจรหรือดาวเคราะห์ที่โคจรรอบดาวฤกษ์ก็ตาม
ดาวพเนจร หรือดาวเคราะห์อิสระ (Free-floating planets – FFP) คือวัตถุที่มีมวลระดับดาวเคราะห์ แต่ไม่ได้โคจรอยู่รอบดาวฤกษ์ใด ๆ สันนิษฐานว่าวัตถุเหล่านี้อาจถูกดีดออกมาจากระบบดาวฤกษ์ดั้งเดิม หรืออาจก่อตัวขึ้นอย่างอิสระจากแก๊สและฝุ่นในสสารระหว่างดาว (Interstellar Medium – ISM)
การค้นพบ Cha 1107-7626 ที่ยังคงมีจานรวมมวลล้อมรอบและกำลังอยู่ในช่วงการก่อตัวอย่างรวดเร็วนี้ สนับสนุนทฤษฎีที่ว่าดาวพเนจรบางดวงสามารถก่อตัวขึ้นได้เองอย่างเป็นอิสระ แทนที่จะเป็นแค่ดาวเคราะห์ที่ถูกดีดออกมาจากระบบ
จากการเปรียบเทียบข้อมูลที่ได้จากกล้อง Very Large Telescope กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ (JWST) และข้อมูลเก็บถาวร ทีมวิจัยพบว่า กิจกรรมทางแม่เหล็กดูเหมือนจะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เกิดการรวมมวลอย่างกะทันหันนี้
นอกจากนี้ การวิเคราะห์สเปกตรัมของจานรวมมวลยังแสดงให้เห็นว่า องค์ประกอบของจานได้เปลี่ยนแปลงไปในช่วงที่เกิดการพุ่งขึ้นของการรวมมวล โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของไอน้ำ
การระเบิดของการรวมมวลและการเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของจานนั้นเป็นปรากฏการณ์ที่เคยเห็นมาแล้วกับ ดาวฤกษ์วัยแรกเกิด แต่ไม่เคยเห็นมาก่อนกับดาวเคราะห์ การค้นพบนี้จึงไม่เคยมีมาก่อนและชี้ให้เห็นว่า วัตถุที่มีมวลต่ำอาจมีสนามแม่เหล็กที่แข็งแกร่งพอที่จะขับเคลื่อนเหตุการณ์รวมมวลที่รุนแรงได้และอาจมีเส้นทางการก่อตัวที่คล้ายคลึงกับดาวฤกษ์
การศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับดาวพเนจรมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากงานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่า ดาวพเนจรอาจมีศักยภาพในการสร้างระบบดาวเคราะห์เป็นของตนเอง และดาวเคราะห์ยักษ์ที่มีดวงจันทร์นอกระบบสุริยะ (#Exomoon) อาจมีคุณสมบัติที่เอื้อต่อการค้ำจุนสิ่งมีชีวิต คล้ายกับที่นักวิทยาศาสตร์สงสัยใน ยูโรปา เอนเซลาดัส ไททัน และโลกมหาสมุทรอื่น ๆ ในระบบสุริยะของเรา
ในอนาคต กล้องโทรทรรศน์รุ่นต่อไป เช่น กล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่พิเศษ (ELT) ของ ESO และกล้องโทรทรรศน์อวกาศแนนซี เกรซ โรมัน (Nancy Grace Roman Space Telescope) จะช่วยให้นักดาราศาสตร์ค้นพบดาวพเนจรเพิ่มขึ้นอีกหลายร้อยถึงหลายพันดวงในกาแล็กซีทางช้างเผือก ด้วยความสามารถในการสังเกตการณ์ที่มีความละเอียดสูงยิ่งขึ้น
ข้อมูลอ้างอิง: Universe Today
- Rogue Planet Found Having Massive “Growth Spurt”