สกายแล็บ 2 ภารกิจกอบกู้สถานีอวกาศแห่งแรกของสหรัฐฯ

Skylab 2 (สกายแล็บ ทู) เป็นภารกิจที่มีลูกเรือปฏิบัติงานเป็นครั้งแรกบนสถานีอวกาศ Skylab (สกายแล็บ) ซึ่งเป็นสถานีอวกาศแห่งแรกของสหรัฐอเมริกา ภารกิจนี้ถูกปล่อยขึ้นสู่ห้วงอวกาศด้วยจรวด Saturn IB (แซทเทิร์น วันบี) เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 โดยมีนักบินอวกาศ 3 คน ได้แก่ พีท คอนราด (Pete Conrad), โจเซฟ เคอร์วิน (Joseph P. Kerwin) และพอล ไวทซ์ (Paul J. Weitz) เดินทางไปยังสถานีอวกาศ

เดิมที Skylab ถูกปล่อยขึ้นสู่วงโคจรโดยไม่มีลูกเรือเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 แต่ระหว่างการปล่อยตัว ได้เกิดความเสียหายขึ้นกับสถานีอวกาศ โดยแผงป้องกันอุกกาบาตขนาดเล็กและแผงรับพลังงานแสงอาทิตย์หลุดออกไป ทำให้สถานีอวกาศสูญเสียเกราะป้องกันความร้อน และแผงรับพลังงานแสงอาทิตย์ที่เหลืออีกหนึ่งแผงก็ไม่สามารถกางออกได้เต็มที่ ส่งผลให้อุณหภูมิภายในสถานีสูงขึ้นจนอาจเป็นอันตรายต่ออุปกรณ์ การทดลอง อาหาร และอาจปล่อยก๊าซพิษออกมา

ดังนั้น ภารกิจหลักของ Skylab 2 จึงเปลี่ยนจากการปฏิบัติงานตามแผนเดิม ไปเป็นการซ่อมแซมและทำให้ Skylab กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง นักบินอวกาศทั้งสามได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในอวกาศอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยพวกเขาได้ทำการปฏิบัติภารกิจนอกยานอวกาศ (Extra-Vehicular Activity: EVA) หรือที่เรียกกันว่า “การเดินอวกาศ” หลายครั้ง เพื่อติดตั้งแผงบังแดดชั่วคราว (parasol sunshade) เพื่อลดอุณหภูมิภายในสถานี และพยายามกางแผงรับพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดขัดอยู่จนสำเร็จ ทำให้สถานีอวกาศกลับมามีพลังงานเพียงพอสำหรับการปฏิบัติงาน

ภารกิจ Skylab 2 ประสบความสำเร็จในการกอบกู้สถานีอวกาศ และนักบินอวกาศทั้งสามได้ปฏิบัติภารกิจทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ เป็นเวลา 28 วัน ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของการปฏิบัติงานในอวกาศของมนุษย์ในขณะนั้น พวกเขากลับสู่โลกอย่างปลอดภัยเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2516

สรุปภารกิจ Skylab 2

• เป้าหมายหลัก: ซ่อมแซมและทำให้สถานีอวกาศ Skylab กลับมาใช้งานได้
• ลูกเรือ: พีท คอนราด, โจเซฟ เคอร์วิน, พอล ไวทซ์
• วันปล่อยตัว: 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2516
• ยานพาหนะปล่อยตัว: จรวด Saturn IB
• ระยะเวลาภารกิจ: 28 วัน
• ความสำเร็จ: กอบกู้สถานีอวกาศ Skylab ได้สำเร็จ และปฏิบัติภารกิจทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ

ภารกิจ Skylab 2 เป็นภารกิจที่สำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์การสำรวจอวกาศของมนุษย์ เนื่องจากแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแก้ไขปัญหาและปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายของอวกาศ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาสถานีอวกาศในยุคต่อๆ มา