
ในปี ค.ศ. 1962 โลกกำลังเฝ้ามองประวัติศาสตร์ที่กำลังจะถูกจารึกขึ้น เมื่อ จอห์น เกล็นน์ (John Glenn) นักบินอวกาศชาวอเมริกัน เตรียมขึ้นบินไปกับยานเฟรนด์ชิป 7 (Friendship 7) ในภารกิจโคจรรอบโลกที่มีมนุษย์ควบคุมเป็นครั้งแรกของสหรัฐอเมริกา ความตื่นเต้นปกคลุมศูนย์ควบคุมภารกิจ แต่เกล็นน์ไม่พร้อมที่จะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จนกว่าเขาจะมั่นใจในตัวเลขการคำนวณวงโคจรอย่างแท้จริง และนั่นคือจุดที่อัจฉริยะด้านคณิตศาสตร์ผู้หนึ่งก้าวเข้ามา ชื่อของเธอคือ “แคทเธอรีน จอห์นสัน” (Katherine Johnson)
ในช่วงต้นยุคอวกาศ คอมพิวเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ไอบีเอ็ม (IBM) เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ถูกนำมาใช้คำนวณเส้นทางบินและวงโคจร แต่ด้วยความใหม่และยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ เกล็นน์จึงต้องการให้มีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลทั้งหมดอีกครั้ง โดยคำขอของเขานั้นระบุชัดเจนว่าต้องเป็น “ตัวเลขจากแคทเธอรีน จอห์นสัน ก่อน”
แคทเธอรีน จอห์นสัน ผู้เป็นนักคณิตศาสตร์ (Mathematician) ผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ของนาซา จึงลงมือทำสิ่งที่เครื่องจักรยังไม่สามารถให้ความเชื่อมั่นได้อย่างเต็มที่ เธอใช้เครื่องคำนวณมือและดินสอ ตรวจสอบการคำนวณวิถีโคจร (trajectory calculations) ของเกล็นน์ซ้ำทั้งหมด การคำนวณของเธอรวมถึงการหาวิถีโคจร (orbital paths) ช่วงเวลาปล่อยยาน (launch windows) และที่สำคัญที่สุดคือ มุมกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ (re-entry angles) ทุกจุดทศนิยมมีความหมายถึงความสำเร็จหรือหายนะของภารกิจ และความเชี่ยวชาญและความแม่นยำของเธอคือหลักประกันเดียวที่เกล็นน์ยอมรับ
เรื่องราวของแคทเธอรีน จอห์นสัน มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดนอกเหนือจากเพียงแค่ตัวเลขทางคณิตศาสตร์ เพราะเธอปฏิบัติงานในยุคที่เต็มไปด้วยการแบ่งแยกทางเชื้อชาติและเพศสภาพ ในฐานะสตรีผิวสี เธอทำงานในสำนักงานที่ยังมีการแบ่งแยกและเผชิญกับความกังขาจากเพื่อนร่วมงานที่สงสัยในความสามารถของเธอ ทว่าความแม่นยำและความมุ่งมั่นในงานของเธอนั้นไม่อาจปฏิเสธได้
แคทเธอรีนไม่เพียงแต่เป็นกำลังสำคัญในการส่งมนุษย์ขึ้นสู่อวกาศอย่างปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังเป็นหนึ่งในสตรีกลุ่มแรก ๆ ที่สามารถก้าวข้ามผ่านการครอบงำของบุรุษเพศในหน่วยงานนาซา เธอพิสูจน์ให้เห็นว่าความสามารถต่างหากคือนิยามของความเป็นเลิศ ไม่ใช่เพศหรือสีผิว
เมื่อเกล็นน์ได้ขึ้นสู่ยานเฟรนด์ชิป 7 ในที่สุด และสามารถโคจรรอบโลกได้สำเร็จ ก็เป็นเครื่องยืนยันว่า การตรวจสอบด้วยมืออย่างพิถีพิถันของแคทเธอรีน คือความแตกต่างระหว่างชีวิตและความตาย และได้บันทึกหมุดหมายที่สำคัญยิ่งไว้ในประวัติศาสตร์การบินอวกาศของมนุษยชาติ
เรื่องราวของแคทเธอรีน จอห์นสัน จึงเป็นมากกว่ากลศาสตร์วงโคจร มันคือบทพิสูจน์ถึงความกล้าหาญ สติปัญญา และความมุมานะอย่างเงียบ ๆ เธอช่วยให้มนุษย์เอื้อมถึงดวงดาว ในขณะเดียวกันก็ท้าทายบรรทัดฐานทางสังคม และปูทางสำหรับคนรุ่นหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (Science, Technology, Engineering, and Mathematics: STEM)
ข้อมูลอ้างอิง: University of Waterloo
- Katherine Johnson, human computer