ข่าวอวกาศ

เจาะลึกความน่าจะเป็นของ “เหมืองอวกาศ” งานวิจัยล่าสุดชี้ขุมทรัพย์อาจไม่ได้หาง่ายอย่างที่คิด แต่ “น้ำ” คือกุญแจสำคัญ

เมื่อไม่กี่ปีมานี้ กระแสเรื่อง “เหมืองดาวเคราะห์น้อย” (Asteroid Mining) เคยเป็นประเด็นที่ร้อนแรงที่สุดในวงการอวกาศ ด้วยการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของภาคเอกชน ความฝันที่จะสร้างสถานีขุดเจาะบนดาวเคราะห์น้อยใกล้โลก (Near Earth Asteroids – NEAs) เพื่อนำทรัพยากรกลับมายังโรงงานลอยฟ้าดูเหมือนจะเป็นอนาคตที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม พอ ๆ กับการส่งมนุษย์ไปดาวอังคาร แต่เมื่อเวลาผ่านไป แผนการเหล่านั้นกลับต้องถูกพับเก็บไว้ชั่วคราวเพื่อรอความพร้อมทางเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ความฝันถึงอนาคตที่มนุษยชาติจะไม่ขาดแคลนทรัพยากร หรือ “Post-scarcity” นั้นยังคงอยู่ และงานวิจัยชิ้นล่าสุดจากสเปนได้เข้ามาช่วยไขคำตอบว่า ความเป็นไปได้ในการขุดทรัพยากรเหล่านั้นมีมากน้อยเพียงใดกันแน่

ทีมนักวิจัยนำโดย ดร. โจเซป เอ็ม. ตรีโก-โรดริเกซ (Dr. Josep M. Trigo-Rodríguez) นักฟิสิกส์ทฤษฎีจากสถาบันวิทยาศาสตร์อวกาศ (ICE-CSIC) และสถาบันการศึกษาอวกาศแห่งคาตาโลเนีย (IEEC) ในบาร์เซโลนา ได้ร่วมมือกับนักวิจัยจากหลากหลายสถาบันเพื่อศึกษาองค์ประกอบทางเคมีของ “ดาวเคราะห์น้อยประเภทซี” (C-type asteroids) ซึ่งเป็นดาวเคราะห์น้อยที่มีองค์ประกอบของคาร์บอนสูงและมีสัดส่วนมากถึง 75% ของดาวเคราะห์น้อยที่เรารู้จักทั้งหมด ผลงานวิจัยของพวกเขาซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Monthly Notices of the Royal Astronomical Society (MNRAS) ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า ดาวเคราะห์น้อยเหล่านี้อาจเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญ แต่อาจไม่ใช่ในรูปแบบที่เราจินตนาการไว้เสียทีเดียว


เครดิตภาพ: ICE-CSIC/J.M.Trigo-Rodríguez et al. (2025)

ทีมวิจัยได้เลือกศึกษาตัวอย่างจาก “อุกกาบาตชนิดคอนไดรต์แบบคาร์บอน” (Carbonaceous chondrites) ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของดาวเคราะห์น้อยที่ตกลงมายังโลก แม้ว่าอุกกาบาตชนิดนี้จะค้นพบได้ยาก (มีเพียง 5% ของอุกกาบาตทั้งหมด) เนื่องจากธรรมชาติที่เปราะบางและแตกหักง่าย แต่ทีมวิจัยก็ได้นำตัวอย่างที่เก็บรักษาไว้มาวิเคราะห์ด้วยเทคนิค “แมสสเปกโตรเมตรี” (Mass Spectrometry) ซึ่งเปรียบเสมือนการตรวจลายนิ้วมือทางเคมี เพื่อหาองค์ประกอบที่แม่นยำที่สุด การศึกษานี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะอุกกาบาตเหล่านี้คือเศษซากที่หลงเหลือจากการก่อตัวของระบบสุริยะเมื่อประมาณ 4,500 ล้านปีก่อน การรู้ส่วนประกอบที่แท้จริงจะช่วยให้เราระบุได้ว่า ทรัพยากรมีค่าต่าง ๆ เช่น น้ำ หรือ แร่โลหะ ซ่อนอยู่ที่ใด

ผลการศึกษาชี้ให้เห็นความจริงที่ท้าทายว่า การทำเหมืองบนดาวเคราะห์น้อยทั่วไปที่ไม่มีการแยกชั้นองค์ประกอบนั้นยังห่างไกลจากความคุ้มค่าในเชิงพาณิชย์ เนื่องจากปริมาณแร่ธาตุมีค่ามีน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม ทีมวิจัยได้ระบุเป้าหมายที่มีศักยภาพสูงกว่า นั่นคือดาวเคราะห์น้อยที่อุดมไปด้วยแร่โอลิวีน (Olivine) และสปินเนล (Spinel) รวมถึงดาวเคราะห์น้อยที่มีแร่ธาตุองค์ประกอบน้ำ (Water-bearing minerals) ในปริมาณสูง ซึ่งนี่คือจุดเปลี่ยนสำคัญของแนวคิดการทำเหมืองอวกาศ

ดร. ตรีโก-โรดริเกซ ให้ความเห็นว่า ในขณะที่เราต้องการเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อขุดเจาะและรวบรวมวัสดุในสภาวะแรงโน้มถ่วงต่ำ สิ่งที่ดูจะเป็นไปได้มากที่สุดในขณะนี้คือ “การขุดเจาะน้ำ” สำหรับดาวเคราะห์น้อยที่มีน้ำเป็นองค์ประกอบหลัก การสกัดน้ำเพื่อนำมาใช้ใหม่ดูจะเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าการขุดหาโลหะมีค่า น้ำในอวกาศสามารถถูกแยกเป็นไฮโดรเจนและออกซิเจนเพื่อผลิตเชื้อเพลิงสำหรับยานอวกาศ หรือใช้สำหรับการดำรงชีพของนักบินอวกาศ ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาการส่งเสบียงจากโลก และทำให้ภารกิจสำรวจอวกาศระยะไกลมีความยั่งยืนมากขึ้น

นอกจากประโยชน์ด้านทรัพยากรแล้ว การศึกษาและทำเหมืองดาวเคราะห์น้อยยังมีผลพลอยได้ที่สำคัญต่อความปลอดภัยของโลก การเข้าใจโครงสร้างและองค์ประกอบของดาวเคราะห์น้อยจะช่วยให้เราเตรียมพร้อมรับมือหากมีวัตถุเหล่านี้โคจรเข้ามาใกล้โลกจนเสี่ยงต่อการพุ่งชน ในระยะยาว เราอาจสามารถใช้กระบวนการทำเหมืองเพื่อลดขนาดของดาวเคราะห์น้อยอันตรายจนพวกมันไม่เป็นภัยคุกคามอีกต่อไป

แม้กระแสความตื่นตัวเรื่องเหมืองอวกาศอาจดูเงียบเหงาลงไปบ้างเมื่อเทียบกับทศวรรษที่ผ่านมา แต่หน่วยงานอวกาศชั้นนำอย่าง NASA JAXA หรือแม้แต่แผนการในอนาคตของจีนอย่างภารกิจ Tianwen-2 ก็ยังคงมุ่งหน้าภารกิจเก็บตัวอย่างจากดาวเคราะห์น้อยอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอุตสาหกรรมทรัพยากรอวกาศเต็มรูปแบบอาจต้องใช้เวลาอีกหลายทศวรรษกว่าจะเป็นจริง แต่ก้าวแรกของการทำความเข้าใจ “ก้อนหิน” ในอวกาศเหล่านี้ คือรากฐานสำคัญที่จะเปลี่ยนพวกมันจากภัยคุกคามให้กลายเป็นขุมทรัพย์ที่จะช่วยพิทักษ์สิ่งแวดล้อมโลกและพาเราออกเดินทางสู่ห้วงอวกาศที่ไกลกว่าเดิม


ข้อมูลอ้างอิง: Universe Today

  • A Pioneering Study Assesses the Likelihood of Asteroid Mining