
ทีมนักดาราศาสตร์นานาชาติได้ค้นพบวัตถุท้องฟ้าชนิดใหม่ ที่แปลกประหลาดและมีลักษณะเฉพาะตัวจนได้รับฉายาว่า “ยูนิคอร์นแห่งจักรวาล” (cosmic unicorn) วัตถุดังกล่าวซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า CHIME J1634+44 เป็นซากดาวฤกษ์ ที่กำลังหมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งขัดแย้งกับความเข้าใจพื้นฐานทางฟิสิกส์เกี่ยวกับดาวในลักษณะเดียวกัน
โดยปกติแล้ว ซากดาวฤกษ์เช่น ดาวนิวตรอน (neutron star) หรือดาวแคระขาว (white dwarf) จะสูญเสียพลังงานและค่อยๆ หมุนช้าลงเมื่อเวลาผ่านไป แต่สำหรับ CHIME J1634+44 กลับมีพฤติกรรมตรงกันข้าม การค้นพบนี้ทำให้นักวิทยาศาสตร์ต้องกลับมาทบทวนแบบจำลองทางฟิสิกส์ดาราศาสตร์ที่มีอยู่ ว่าด้วยวิวัฒนาการของซากดาวฤกษ์เหล่านี้
วัตถุปริศนานี้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มแหล่งกำเนิดคลื่นวิทยุคาบยาวชั่วครู่ (Long Period Radio Transient – LPT) ซึ่งเป็นวัตถุชนิดใหม่ที่เพิ่งถูกค้นพบได้ไม่นาน มีลักษณะเป็นการปล่อยคลื่นวิทยุออกมาเป็นจังหวะในคาบที่ยาวนานตั้งแต่ไม่กี่นาทีไปจนถึงหลายชั่วโมง แต่ CHIME J1634+44 มีความพิเศษยิ่งกว่า LPT ดวงอื่นๆ ที่เคยพบมา
นายเฝิงฉิว อดัม ตง (Fengqiu Adam Dong) นักวิจัยจากหอดูดาวกรีนแบงก์ (Green Bank Observatory – GBO) และหัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่า “เรากำลังเผชิญกับปริศนาที่แท้จริง”
เพื่ออธิบายพฤติกรรมที่ขัดแย้งกับทฤษฎีนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ตั้งสมมติฐานว่า CHIME J1634+44 อาจไม่ใช่ดาวฤกษ์โดดเดี่ยว แต่อาจเป็นระบบดาวคู่ (binary system) ที่ดาวสองดวงโคจรรอบกันอย่างใกล้ชิด การที่วงโคจรของระบบหดสั้นลงจากการปลดปล่อยคลื่นความโน้มถ่วง (gravitational waves) หรือการที่ดาวดวงหนึ่งดูดกลืนมวลสารจากดาวคู่ของมัน อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ดูเหมือนว่าอัตราการหมุนของมันเพิ่มขึ้น
การค้นพบนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์วิทยุชั้นนำของโลกหลายแห่ง ได้แก่ โครงการ CHIME (Canadian Hydrogen Intensity Mapping Experiment) กล้องโทรทรรศน์กรีนแบงก์ (Green Bank Telescope – GBT) กล้องโทรทรรศน์วิทยุวีแอลเอ (Very Large Array – VLA) และหอดูดาวอวกาศนีล เกห์เรลส์ สวิฟต์ (Neil Gehrels Swift Observatory) ของนาซา
CHIME J1634+44 ได้เปิดพรมแดนใหม่ในการศึกษาวัตถุสุดขั้วในเอกภพ และกระตุ้นให้นักดาราศาสตร์ต้องตามล่าหายูนิคอร์นเช่นนี้ต่อไป เพื่อไขความลับของจักรวาลที่ยังรอการค้นพบ
ข้อมูลอ้างอิง: NSF/AUI/NSF NRAO/P.Vosteen
- Scientists discover fast-spinning ‘unicorn’ object that defies physics